วันเสาร์ ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2563, 06.00 น.
“ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด ยักษ์ใหญ่แห่งวงการฟุตบอล ผงาดกลับไปเป็นแชมป์ฟุตบอลลา ลีกา สเปน ลีกสูงสุดของแดนกระทิงดุได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี และเป็นสมัยที่ 34 ของสโมสร หลังจากบดเอาชนะ “เรือดำน้ำสีเหลือง” บียาร์เรอัล ลงได้หวุดหวิด 2-1 ในการเตะนัดที่ 37 ซึ่งเป็นนัดรองสุดท้ายเมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
ชัยชนะครั้งนี้ ทำให้ เรอัล มาดริด ทำแต้มไปได้แล้ว 86 แต้มจากการลงแข่ง 37 นัด พร้อมทิ้งห่าง บาร์เซโลน่า ที่พลาดท่าแพ้โอซาซูน่า คาบ้าน 1-2 ถึง 7 แต้ม ทำให้พวกเขาได้คืนสู่ความสำเร็จทันที
ซีเนอดีน ซีดาน กุนซือสมองใสของ เรอัล มาดริด ที่เป็นแชมป์ลีกสมัยที่สองของ “ซิซู” ในฐานะกุนซือ เรอัล มาดริดกล่าวว่า นี่เป็นวันที่ยอดเยี่ยมที่สุดอีกหนึ่งวันของตัวผม สิ่งที่เกิดขึ้นมันเหลือเชื่อมากๆ เราต้องหยุดไปนานถึง 3 เดือน มีหลายสิ่งเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ แต่สุดท้ายเราก็สร้างความยิ่งใหญ่ด้วยการเป็นแชมป์สำเร็จ
การกลับมาครั้งนี้เป็นไปอย่างน่าสนใจ เนื่องจาก เรอัล มาดริดต้องลงเล่นที่สนามซ้อม “เอสตาดิโอ อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่” เนื่องจากสนามหลักคือ ซานติอาโก เบอร์นาบิว อยู่ในช่วงการปรับปรุงตามสัญญาที่ทำเอาไว้ตั้งแต่ยังไม่รู้ว่าโลกใบนี้จะมีโควิด-19ระบาด
“การได้แชมป์ลา ลีกา ทำให้ผมมีความสุขอย่างมาก” ซีดานกล่าว “การได้ครองเจ้ายุโรปคือแบบหนึ่ง ลาลีกาคืออีกแบบหนึ่ง แน่นอนว่าผมดีใจและภูมิใจที่ได้ครองเจ้ายุโรป แต่แชมเปี้ยนส์ลีก ก็คือแชมเปี้ยนส์ลีก แต่ลา ลีกา เติมความสุขให้ผม เพราะลา ลีกาคือจุดกำเนิดของทุกสิ่ง”
“นี่เป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่มาก เพราะสิ่งที่ผู้เล่นได้รังสรรค์ฟอร์มการเล่นได้อย่างดีเยี่ยม ผมดีใจมาก ผมมีอารมณ์ร่วมกับแชมป์ในครั้งนี้อย่างมากจริงๆ จนบางทีผมไม่รู้จะพูดอะไรออกมาเหมือนกัน”
“ผมขอชื่นชมนักฟุตบอลที่ร่วมกันต่อสู้เพื่อสิ่งนี้ พวกเขาเล่นได้อย่างวิเศษมากๆ พวกเขาปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน ปรับตัวเข้ากับแรงกดดันได้อย่างน่านับถือ สำคัญที่สุดก็คือ พวกเขามีความเชื่อว่าจะเป็นแชมป์ได้สำเร็จ แล้วเราก็ชนะ 10 นัดรวดจนเป็นแชมป์”
สำหรับทำเนียบแชมป์ทั้ง 34 สมัยของ เรอัล มาดริดมีดังนี้ ปี 1931-32, 1932-33, 1953-54, 1954-55, 1956-57, 1957-58, 1960-61, 1961-62, 1962-63, 1963-64, 1964-65, 1966-67, 1967-68, 1968-69, 1971-72, 1974-75, 1975-76, 1977-78, 1978-79, 1979-80, 1985-86, 1986-87, 1987-88, 1988-89, 1989-90, 1994-95, 1996-97, 2000-01, 2002-03, 2006-07, 2007-08, 2011-12, 2016-17 และ 2019-20
สำหรับ เรอัล มาดริด ในยุคของ ซีดาน ถือว่ากวาดสำเร็จไปได้อย่างล้มหลาม ในการคุมทัพ 2 สมัยของเขา โดยครั้งแรกตั้งแต่ 4 มกราคม 2016-31 พฤษภาคม 2018 จากนั้นก็เข้ามาทำทีมอีกครั้ง เมื่อ 11 มีนาคม 2019
เขานำทัพได้แชมป์ประกอบด้วย ลา ลีกา 2016-17, 2019-20, ซูเปอร์โกปา เด เอสปันญ่า : 2017, 2019-20, ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก : 2015-16, 2016-17, 2017-18, ซูเปอร์คัพ :2016, 2017 และฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ : 2016, 2017
ขณะเดียวกัน แฟนบอลเรอัล มาดริด ทำตามคำแนะนำของสโมสรที่ขอความร่วมมือห้ามไปรวมตัวฉลองแชมป์ลาลีก้าที่จัตุรัสซีเบเลส เหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา โดยอาศัยการขับรถออกมาแล้วบีบแตรฉลองชัย โดยไม่มีแฟนบอลแห่ไปฉลองเหมือนเดิม
เรื่องนี้ เรอัล มาดริด ได้ออกแถลงการณ์ขอความร่วมมือไม่ให้แฟนบอลของพวกเขาไปรวมตัวฉลองตามธรรมเนียม รวมถึงแจ้งว่าจะไม่มีขบวนแห่แชมป์ของนักเตะด้วย ซึ่งนายกเทศมนตรีเมืองมาดริดที่ก็ออกขอความร่วมมือ เนื่องจากต้องการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ก่อนจะได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี
ทางด้าน กีเก้ เซเตียน กุนซือของบาร์เซโลน่า ที่ทำทีมเสียแชมป์ไม่พอ แถมยังพังคาบ้านเป็นการตอกย้ำความบอบช้ำ กล่าวว่า เขาต้องการคุมทีมลุยศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ไม่รู้ว่าจะได้ไปต่อหรือไม่
“ผมอยากจะคุมทัพไปเตะแชมเปี้ยนส์ลีก แต่ผมก็ไม่รู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทุกคนจะต้องพิจารณาตัวเองกับการไม่ได้แชมป์ลีก แน่นอนที่สุดก็คือ ตัวผมนี่แหล่ะที่ต้องรับผิดชอบมากที่สุด ซึ่งผมหวังว่าเราจะไปเตะแชมเปี้ยนส์ลีกด้วยความคิดที่เป็นไปในทางบวก”
ฝั่งของ ลีโอเนล เมสซี่ แม่ทัพของบาร์ซ่า กล่าวว่า ผมไม่เคยคาดหวังมาก่อนเลยว่าเราจะมีฉากจบที่ย่ำแย่แบบนี้ในซีซั่นนี้ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยจริงๆ เราเล่นได้แย่ในช่วงเวลาที่สำคัญแบบนี้ เราไม่คงเส้นคงวา ทั้งที่ควรจะทำได้ดีกว่านี้ ผมโมโห พวกเราโมโห และแฟนบอลก็ย่อมโมโห ตอนนี้เรามีเวลาก่อนไปเตะแชมเปี้ยนส์ลีก
“แต่ถ้าเรายังเป็นแบบนี้ ปวกเปียกแบบนี้ ยังเล่นแบบนี้ต่อไปเหมือนเดิม เราก็คงไม่รอด เราจะแพ้ นาโปลี ตกรอบ เราต้องปรับเปลี่ยนอะไรบางอย่างในทีม” เมสซี่ กล่าวแบบฉุนขาด
ในเรื่องนี้ เซเตียน กล่าวว่า เขาเห็นด้วยกับ เมสซี่ในบางเรื่อง ทุกคนจะต้องพิจารณาตัวเอง ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่แบบนี้ ต้องมีผู้รับผิดชอบ
ทั้งนี้ เซเตียน เข้ามาคุมทัพ บาร์ซ่า เมื่อ 13 มกราคมที่ผ่านมา แทนที่ของ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ มีสถิติทำทีม 22 นัด ชนะ 14 เสมอ 4 แพ้ไป 4
สรุปผลการแข่งขันนัดที่ 37 มีดังนี้ บาร์เซโลน่า แพ้ โอซาซูน่า 1-2, เรอัล มาดริด ชนะ บียาร์เรอัล 2-1, เออิบาร์ ชนะ บายาโดลิด 3-1, บิลเบา แพ้ เลกาเนส 0-2, เซลต้า แพ้ เลบันเต้ 2-3, เกตาเฟ่แพ้ แอตเลติโก มาดริด 0-2, มายอร์ก้า แพ้ กรานาด้า 1-2, เบติสแพ้ อลาเบส 1-2, โซเซียดัด เสมอ เซบีญ่า 0-0 และบาเลนเซียชนะ เอสปันญ่อล 1-0