วันที่ 24 มิ.ย. 2563 เวลา 16:43 น.
“สมคิด” บอกเศรษฐกิจเดือน ก.ค. อาหารหนัก จะมีธุรกิจปิดตัวมากขึ้น “อุตตม” เผยไม่คาดคิดเป็น รมว.คลังที่กู้มากสุดในประวัติศาสตร์
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในงานแถลงนโยบาย “เศรษฐกิจพอเพียงสร้างไทย” และโครงการ “New Gen Hug บ้านเกิด” ซึ่งจัดโดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ว่า โจทย์ของรัฐบาลหลังจากออกมาตรการเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นเวลา 1 ไตรมาส จนทำให้ไม่มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา คือการฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วยความสมดุล โดยต้องดูตามความเป็นจริงว่าเมื่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยไม่ดีขึ้น การผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดต้องทำอย่างมีเหตุและมีผล เป็นไปอย่างระมัดระวัง ซึ่งที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างเต็มที่
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่า ในเดือน ก.ค. 2563 หลังจากรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์แล้ว จะเริ่มมีธุรกิจที่ทยอยปิดตัวลงมากขึ้น เพราะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังไม่เกิด การส่งออกยังไม่ฟื้น โรงงานยังไม่สามารถกลับมาผลิตได้เต็มที่ นักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่กลับมา ดังนั้นในช่วงเดือน มิ.ย.- ก.ค. นี้รัฐบาลจึงได้วางแผนให้ส่วนราชการเร่งเสนอโครงการเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ภายใต้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงินฉุกเฉิน วงเงิน 1 ล้านล้านบาท ซึ่งจะมีคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการภายใต้ พ.ร.ก. กู้เงินดังกล่าวพิจารณาโครงการที่มีความเหมาะสม โดยภายในเดือน มิ.ย. 2563 คาดว่าจะเสนอโครงการต่าง ๆ ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาได้ตามแผน
“ในช่วงที่ไม่มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเลย ก็มีคำถามว่าคนจะเอาอะไรกิน จึงเกิดความคิดว่าจะให้ทุกกระทรวง ทุกหน่วยงาน รัฐเอกชน มูลนิธิ ทำโครงการขึ้นมา โดยมีคณะกรรมการกลั่นกรองฯ พิจารณาความเหมาะสม โดยไม่ให้การเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง เร่งรัดเวลาว่าในเดือน มิ.ย. นี้จะต้องเริ่มต้นแล้ว เพราะ ก.ค. คาดการณ์ว่าจะเริ่มมีธุรกิจที่ทยอยปิดตัว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงครึ่งหลังของปี เพราะที่ผ่านมามีการคุยกันว่าหลังจากนี้จะไม่ใช่แค่เยียวยา แต่ต้องใช้วิกฤตินี้เป็นโอกาสในการเปลี่ยนแปลง พร้อมกับการเยียวยาด้วย ฉะนั้นโครงการเศรษฐกิจพอเพียงสร้างไทยจึงเกิดขึ้นเป็นโครงการที่สร้างให้ไทยเข้มแข็งด้วยการเติบโตจากภายใน เปลี่ยนพื้นดินให้เป็นผลผลิต เพราะการส่งออกเป็นเพียงผลพลอยได้ในบั้นปลายเท่านั้น ตรงนี้เป็นโอกาสสำคัญของคนไทย เราไม่เคยมีโอกาสอย่างนี้ เพราะงบไม่เคยมีมากเท่านี้” นายสมคิด กล่าว
นายสมคิด กล่าวอีกว่า หน้าที่ของรัฐบาลไม่ใช่แค่การเยียวยาประชาชนทุกกลุ่มจากสถานการณ์โควิด-19 แต่ยังต้องคิดล่วงหน้าด้วยว่า หลังจากควบคุมสถานการณ์ได้แล้วจะทำอะไรต่อ จึงเป็นที่มาของมาตรการเยียวยาโดยกระทรวงการคลัง ซึ่งยอมรับว่าทำไปด้วยความยากลำบาก เพราะไทยไม่พร้อมเรื่องข้อมูล ทำให้ในช่วงแรกมีเสียงโจมตี วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ซึ่งก็ได้หารือกับนายอุตตม สาวนายน รมว.การคลัง และบอกว่าต้องอดทน เพราะทุกครั้งที่มีวิกฤติ คลังคือหลักที่จะยึดเหนี่ยว ดังนั้นถ้าคลังอ่อนแอ ประเทศจะไม่มีเหลือเลย เราได้ประสบการณ์นี้จากสมัยวิกฤติต้มยำกุ้ง ดังนั้นต้องรับฟังคำวิจารณ์และทำทุกอย่างให้ดีขึ้น นั่นเป็นหน้าที่ของ รมว.การคลังที่จะต้องรับสิ่งเหล่านั้นและกลืนลงในกระเพาะเปลี่ยนเป็นแก๊สในกระเพาะ ตรงนี้เป็นเรื่องปกติ
สำหรับนโยบายเศรษฐกิจพอเพียงสร้างไทยนั้น เป็นหนึ่งในแนวทางที่เตรียมไว้เพื่อรองรับคนตกงานที่เดินทางกลับสู่ภูมิลำเนา เพื่อให้มีงานทำ ให้มีรายได้แม้จะไม่เท่าเดิม แต่ก็ยังมีรายได้เพียงพอจุนเจือครอบครัว สร้างอนาคตให้กับคนไทยให้มีทางเลือกในการสร้างชีวิต แทนที่จะต้องอพยพย้ายถิ่นฐานมาเป็นแรงงาน มาเป็นคนจนในเมือง ซึ่งเป็นผลเสียจากการพัฒนาในอดีตที่เน้นการผลิตและการสร้างฐานการผลิตเพื่อส่งออกเพียงอย่างเดียว แต่นโยบายดังกล่าวต้องการทำให้คนยืนอยู่ได้ ทำให้มีหัวขบวนรวมกลุ่มและให้ทุกฝ่ายไปช่วยเหลือคนที่อ่อนแอ โดยให้ ธ.ก.ส. มีสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 0.01% ถ้าเกินกว่านี้ผมจะเล่นงาน
“ผมไม่ได้ต้องการสร้างเกษตรกรรมที่ผลิตแล้วไปไม่รอด จำนำข้าวรายปี โบร่ำโบราณไม่เอา ต้องการทำให้เขาเป็นผู้ประกอบการให้ได้ เสร็จแล้วก้าวสู่ภายนอก โอกาสนี้มาถึงแล้ว และใช้โอกาสนี้ประกาศตัวเป็นศูนย์กลางอาหารโลก ไม่ต้องรอชาติหน้า ต้องมาช่วยกันคิด หาทางออกของประเทศ ใช้โอกาสปีนี้และปีหน้าสร้างฐานให้เข้มแข็ง โบราณบอกว่าจะเป็นมังกรเหินฟ้า ต้องตะไบเล็บให้คม หัดพ่นไฟไว้ พอฟ้าเปิดมังกรจะทะยาน” นายสมคิด กล่าว
นายอุตตม สาวนายน รมว.การคลัง กล่าวว่า ช่วงที่ผมเข้ามาเป็น รมว.การคลัง ก็ไม่นึกว่าจะต้องเจอสถานการณ์โควิด-19 แบบนี้ จนกลายมาเป็น รมว.การคลังในประวัติศาสตร์ไทยที่มีการกู้เงินมากที่สุด เพราะเรื่องสำคัญในขณะนั้นคือ ต้องคิดว่าจะทำอย่างไรเพื่อเอาเงินเข้ากระเป๋าประชาชนให้เร็วที่สุด เพราะเศรษฐกิจถูกกระทบรุนแรง เฉียบพลัน โดยเงินกู้ส่วนหนึ่งก็มาให้ ธ.ก.ส. จำนวน 5.55 หมื่นล้านบาท เพื่อเดินหน้านโยบายเศรษฐกิจไทยสร้างชาติ ยอมรับว่ารัฐบาลอยากช่วยมากกว่านี้ แต่ในเวลาที่มีจำกัด ทรัพยากรที่มีจำกัด รัฐบาลพยายามเต็มที่ในการช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจหากช้าเกินไป จะพลาดจังหวะ พลาดโอกาส และจะกลายเป็นปัญหาที่ลึกและฟื้นตัวยาก