สภาหอการค้าญี่ปุ่น – กรุงเทพ (เจซีซี) ได้จัดงานแถลงข่าวในวันนี้ (30 มิ.ย. 2020) เผยผลการสำรวจดัชนีชี้วัดแนวโน้มทางเศรษฐกิจประจำครึ่งแรกของปี 2020 ซึ่งสะท้อนสภาพทางธุรกิจของบริษัทญี่ปุ่นในประเทศไทยระหว่างช่วงการระบาดของโควิด-19 ซึ่งมีบริษัทญี่ปุ่นในไทย 631 แห่งที่เข้าร่วมการทำงานสำรวจ
ทั้งนี้ เจซีซีได้ทำการสอบถามบริษัทญี่ปุ่นถึงสภาพการดำเนินธุรกิจระหว่างช่วงครึ่งแรกของปี 2020 เพื่อนำมาจัดทำดัชนีการกระจาย (Diffusion Index) ที่สามารถแสดงถึงสภาพธุรกิจของบริษัทญี่ปุ่นในไทย โดยค่าดัชนีดังกล่าวอยู่ที่ระดับ “ติดลบ” 69 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่เมื่อปี 2528 และสะท้อนภาพให้เห็นว่าธุรกิจญี่ปุ่นในไทยย่ำแย่ลงอย่างหนักจากผลกระทบของโควิด-19 โดยมีบริษัทที่ทำแบบสอบถามกว่า 78% ที่ระบุว่าสภาพธุรกิจของตน “ปรับตัวแย่ลง”
โดยพบว่าบริษัทญี่ปุ่นเหล่านี้เผชิญกับยอดขายที่ลดลงอย่างหนักระหว่างช่วงการระบาด ซึ่งจากบริษัททั้งหมด 631 แห่งที่ทำแบบสอบถาม พบว่ามีบริษัทถึง 48% ที่มียอดขายที่ลดลงระดับ 20-50% ขณะที่บริษัทอีก 27% พบว่ายอดขายลดลง 5-20% นอกจากนี้ยังพบว่ามีบริษัทในสัดส่วนอีก 9% ที่เผชิญกับผลกระทบอย่างหนักโดยมียอดขายที่ลดลงมากกว่า 50% ซึ่งตัวเลขเหล่านี้เป็นผลกระทบต่อยอดขายที่มากกว่างานสำรวจก่อนหน้าที่เจซีซีเปิดเผยออกมาเมื่อ 25 มี.ค. เนื่องจากสถานการณ์การระบาดที่รุนแรงขึ้น
เมื่อคำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นแล้วนั้นปัจจุบันมีบริษัท 7% ที่ระบุว่าอาจต้องลดขนาดกิจการลง ขณะที่มีบริษัทอีก 34% ที่ต้องจับตาดูว่าว่าจะลดขนาดกิจการลงหรือไม่
ในกรณีดังกล่าว “อัทสึชิ ทาเคนิ” ประธานคณะวิจัยเศรษฐกิจของเจซีซีและประธานเจโทรประจำกรุงเทพ กล่าวว่า สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลให้เกิดตัวเลขชี้วัดที่ย่ำแย่อย่างไม่เคยเห็นมาก่อน ดังเช่นที่เกิดขึ้นกับงานสำรวจทั่วโลก โดยบริษัทญี่ปุ่นได้เผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากในการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วงเดือน เม.ย. ที่มีการล็อคดาวน์เต็มเดือน ถึงแม้ว่าปัจจุบันสถานการณ์จะเริ่มดีขึ้น อย่างไรก็ตามสภาพการดำเนินธุรกิจก็ยังไม่กลับคืนสู่สภาวะปกติ