หลังจากที่ทีมอเมริกันฟุตบอล วอชิงตัน เรดสกินส์ (Washington Redskins) ตัดสินใจเปลี่ยนชื่อและโลโก้ของทีมอย่างเป็นทางการ หลังเผชิญแรงกดดันจากกลุ่มสิทธิชนพื้นเมืองอเมริกันมานานหลายปี ขณะนี้ดูเหมือนทีมกีฬาหลายทีมในสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับแรงกดดันในลักษณะเดียวกัน ท่ามกลางการเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมของกลุ่มชนผิวสีในอเมริกา
ตัวอย่างเช่น ทีมเบสบอล คลีฟแลนด์ อินเดียนส์ (Cleveland Indians) ที่กำลังถูกจับตามองเพราะนอกจากชื่อที่สะท้อนถึงชนพื้นเมืองแล้ว ยังมีโลโก้ที่เป็นรูปคนอเมริกันอินเดียนเหมือนกับทีมเรดสกินส์ด้วย ซึ่งทางผู้บริหารของทีมได้แจ้งว่ากำลังมีการพิจารณาเพื่อเปลี่ยนชื่อและโลโก้ของทีมเป็นครั้งแรกในรอบ 105 ปี
นอกจากนี้ ทีมแอตแลนต้า เบรฟส์ (Atlanta Braves) ทีมชิคาโก แบล็คฮอค์ส (Chicago Blackhawks) และทีมแชมป์ซูเปอร์โบล์วรายล่าสุด แคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ (Kansas City Chiefs) ล้วนเผชิญแรงกดดันให้เปลี่ยนชื่อที่มีความเชื่อมโยงกับชนพื้นเมืองในอเมริกาเช่นกัน
แรงกดดันดังกล่าวมาทั้งจากองค์กรสิทธิพลเมือง แฟนกีฬา และบรรดาสปอนเซอร์ที่ขู่ว่าจะถอนการสนับสนุนหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม การจะเปลี่ยนชื่อและโลโก้ของทีมนั้นฟังดูเหมือนง่าย แต่มีกระบวนการมากมาย รวมทั้งเก็บคืนสินค้าทุกชนิดที่มีชื่อหรือโลโก้ของทีมนั้น ๆ ปรากฎอยู่ด้วย
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ทีมวอชิงตัน เรดสกินส์ ประกาศว่าจะถอดชื่อ “เรดสกินส์” ซึ่งใช้มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1933 ท่ามกลางแรงกดดันและเสียงวิจารณ์ว่าชื่อ Redskins นั้นอาจเข้าข่ายเหยียดผิวชนพื้นเมืองอเมริกัน
ที่ผ่านมา เจ้าของทีมวอชิงตัน เรดสกินส์ คือ แดน ชไนเดอร์ ไม่ได้แสดงความประสงค์อยากจะเปลี่ยนชื่อทีมตั้งแต่ซื้อกิจการของทีมแชมป์ซูเปอร์โบล์วสามสมัยนี้มาในปี ค.ศ. 1999 แต่กระแสการเรียกร้องสิทธิคนผิวสีครั้งล่าสุดในอเมริกาที่ถูกจุดประกายจากการเสียชีวิตของ จอร์จ ฟลอยด์ ทำให้มีการหารือเรื่องนี้อีกครั้ง รวมทั้งแรงกดดันจากบรรดาสปอนเซอร์ของทีม เช่น Fedex PepsiCo และ Nike