บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ชี้แจงว่า เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 ในหลายภูมิภาคได้ปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ รัฐบาลในหลายประเทศจึงได้กลับมาเริ่มดำเนินมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ส่งผลให้มีการผ่อนคลายมาตรการการปิดประเทศมากขึ้น
โดย MINT ได้มีการวางแผนกลยุทธ์เพื่อให้อยู่ในสถานะเหนือกว่าคู่แข่งและพร้อมที่จะกลับมาดำเนินธุรกิจในทุกภูมิภาคทั่วโลก โดยกลยุทธ์การกลับมาดำเนินธุรกิจของ MINT คือบริษัทจะกลับมาเปิดให้บริการเฉพาะโรงแรม ร้านอาหาร และร้านค้าไลฟ์สไตล์ที่มีจำนวนลูกค้าเพียงพอที่จะส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทปรับตัวดีขึ้น
ทั้งนี้ ทุกธุรกิจของ MINT เริ่มมีการฟื้นตัวตั้งแต่ช่วงกลางเดือน พ.ค.เมื่อโรงแรม ร้านอาหาร และร้านค้าไลฟ์ สไตล์เริ่มกลับมาเปิดให้บริการ โดยที่ทุกธุรกิจมีแนวโน้มที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละเดือน
สำหรับ ไมเนอร์ โฮเทลส์ ณ ช่วงกลางเดือน ก.ค.63 โรงแรม 370 แห่งจากทั้งหมด 535 แห่ง หรือคิดเป็น 69% ของโรงแรมทั้งหมดของบริษัทได้กลับมาเปิดให้บริการ โดยธุรกิจโรงแรมที่ไมเนอร์ โฮเทลส์มีการดำเนินงานอยู่ในแต่ละภูมิภาคส่วนใหญ่ได้รับแรงผลักดันจากการท่องเที่ยวภายในประเทศ ส่วนในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าการท่องเที่ยวภายในภูมิภาคจะช่วยผลักดันอัตราการเข้าพัก หลังจากนั้นจึงจะเป็นการเดินทางระหว่างประเทศ โดยภายในเดือน ก.ย.63 MINT คาดว่าประมาณ 90% ของโรงแรมทั้งหมดจะกลับมาเปิดให้บริการ
ธุรกิจในประเทศไทย: ด้วยการผ่อนคลายมาตรการการปิดประเทศที่เริ่มขึ้นตั้งแต่เดือน พ.ค. ไมเนอร์ โฮเทลส์ได้เริ่มกลับมาเปิดให้บริการโรงแรมในประเทศไทย ด้วยการเปิดให้บริการโรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นโรงแรมต้นแบบของไมเนอร์โฮเทลส์ พร้อมด้วยร้านอาหารบางร้านในโรงแรม, ในช่วงต้นเดือน มิ.ย.63 โรงแรมในหัวหินเริ่มเปิดให้บริการและมีผลการดำเนินงานที่ดีจากจำนวนนักท่องเที่ยวภายในประเทศที่สูง
หลังจากนั้น โรงแรมบางแห่งในเมืองสำคัญต่างๆ เช่น จังหวัดเชียงใหม่ ภูเก็ต สมุย พัทยา และขอนแก่น ได้กลับมาเปิดให้บริการต่อมาในเดือน มิ.ย.และ ก.ค.63 และเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา โรงแรมเดอะเซนต์รีจิส กรุงเทพฯและร้านอาหารซูมาที่มีชื่อเสียงได้กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง
อีกทั้ง ศูนย์การค้าและสถานบันเทิงของ MINT ทั้งศูนย์การค้าริเวอร์ไซด์ พลาซ่า กรุงเทพฯ และรอยัล การ์เด้น พลาซ่า พัทยาเริ่มกลับมาเปิดให้บริการในช่วงกลางเดือน พ.ค.63 ในขณะที่ พิพิธภัณฑ์ Ripley’s Believe It or Not! ในเมืองพัทยา และศูนย์การค้าเทอเทิล วิลเลจ ในจังหวัดภูเก็ตกลับมาเปิดให้บริการในเดือน ก.ค.63
อย่างไรก็ตาม โครงการที่อยู่อาศัย เช่น อนันตรา ลายันภูเก็ต เรสซิเดนเซส ได้เปิดให้บริการตามปกติตลอดช่วงการระบาดของโรค COVID-19 อีกทั้งในเดือน ส.ค.และ ก.ย.63 โรงแรมอื่น ๆ ในกรุงเทพ เชียงใหม่และกระบี่จะเริ่มกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง
นอกจากนี้มาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งรวมถึงโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” เพื่อฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวภายในประเทศ คาดว่าจะช่วยผลักดันผลการดำเนินงานของโรงแรมในประเทศไทยในช่วงครึ่งปีหลังของปี 63
ส่วนมหาสมุทรอินเดียและประเทศเพื่อนบ้าน: โรงแรมสองแห่งในประเทศจีนกลับมาเปิดให้บริการตั้งแต่ช่วงกลางเดือน มี.ค.63 โดยมีอัตราการเข้าพักที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในแต่ละเดือนจากเดือนก่อนหน้า ส่วนโรงแรมในประเทศเวียดนามกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งตั้งแต่เดือน พ.ค.63โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น จากแคมเปญทางการตลาดในระดับประเทศเพื่อกระตุ้นธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศ ณ ปัจจุบัน โรงแรมส่วนใหญ่ในประเทศศรีลังกา ลาว กัมพูชา มาเลเซีย และอินเดียได้กลับมาเปิดให้บริการ ส่วนโรงแรมในประเทศมัลดีฟส์คาดว่าจะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 63 ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว
ประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์: โรงแรมทั้งหมดยังคงเปิดให้บริการตามปกติตลอดช่วงการระบาดของโรค ทั้งนี้ ด้วยการผ่อนคลายข้อจ กัดในการเดินทางภายในประเทศออสเตรเลีย ยกเว้นรัฐวิคตอเรีย โอ๊คส์จึงคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้มีการคาดว่าจะเริ่มมีการเดินทางข้ามประเทศ ระหว่างประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ได้ในเดือน ก.ย.63
ตะวันออกกลางและทวีปแอฟริกา: โรงแรมส่วนใหญ่ในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงแรมในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โอมาน และกาตาร์ได้กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง เช่นเดียวกับโรงแรมในทวีปแอฟริกา ซึ่งรวมถึงประเทศบอตสวานาเลโซโท นามิเบีย โมซัมบิก และแซมเบียได้กลับมาเปิดให้บริการแล้วเช่นกัน โดยโรงแรมที่ตั้งอยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ อาทิ น้ำตกวิกตอเรียในประเทศแซมเบีย และหาดเพมบาในประเทศโมซัมบิกได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในช่วงนี้
ทวีปยุโรปและลาตินอเมริกา: 68% ของโรงแรมทั้งหมดในทวีปยุโรปและลาตินอเมริกาได้กลับมาเปิดให้บริการตั้งแต่ช่วงกลางเดือน ก.ค.63 โดยทวีปยุโรปเป็นภูมิภาคที่โรงแรมของไมเนอร์ โฮเทลส์ได้เปิดให้บริการเร็วกว่าแผนที่เคยวางไว้โดยการกลับมาเปิดโรงแรมในทวีปยุโรปเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ซึ่งเริ่มจากกลุ่มประเทศเบเนลักซ์และประเทศเยอรมนีตามด้วยประเทศสเปนและอิตาลี ทั้งนี้ ยุโรปกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศเยอรมนีอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีการฟื้นตัวทางธุรกิจที่เร็วกว่าประเทศอื่นๆ ในทวีปยุโรป เนื่องจากมีการอนุญาตในเดินทางภายในประเทศได้ตั้งแต่ปลายเดือน พ.ค.ส่งผลให้ 88% ของโรงแรมทั้งหมดในยุโรปกลางได้กลับมาเปิดให้บริการแล้ว
ส่วนในประเทศสเปนและอิตาลีซึ่งมีการระบาดของโรค COVID-19 ที่รุนแรงที่สุดในทวีปยุโรป เริ่มเห็นการฟื้นตัวของธุรกิจด้วยการกลับมาเปิดให้บริการโรงแรมในสัดส่วน 70% และ 66% ตามลำดับ โดยเมื่อมีการผ่อนปรนให้สามารถเดินทางระหว่างประเทศภายในทวีปยุโรปได้ในช่วง
ทั้งนี้ ปลายเดือน มิ.ย.63 ธุรกิจโรงแรมในทวีปยุโรปเริ่มมีผลการดำเนินงานดีขึ้น เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวภายในทวีปยุโรปคิดเป็นสัดส่วน 75-80% ของจำนวนแขกที่เข้าพักทั้งหมด ต่อมาในเดือน ก.ค.63 ประเทศส่วนใหญ่ในทวีปยุโรปเริ่มเปิดพรมแดนให้สำหรับประเทศที่ไม่ได้อยู่ในทวีปยุโรป โดย MINT คาดว่า 73% ของโรงแรมทั้งหมดในทวีปยุโรปจะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งภายในสิ้นเดือน ก.ค.63 และโรงแรมทั้งหมดจะกลับมาเปิดภายในเดือน ก.ย.63 ผลการดำเนินงานของโรงแรมได้กลับมาฟื้นตัวตั้งแต่เดือน มิ.ย.63 เนื่องจากโรงแรมในทวีปยุโรปได้รับประโยชน์จากการเข้าสู่ช่วงวันหยุดฤดูร้อน ซึ่งส่งผลให้ธุรกิจ urban leisure ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศสเปนที่มีอัตราการเข้าพัก ณ ปัจจุบันสูงถึง 40% ถึง 50% ทั้งนี้บริษัทคาดว่าอัตราการฟื้นตัวจะสูงขึ้นอีกตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป
ส่วนในลาตินอเมริกา 33% ของโรงแรมทั้งหมดได้กลับมาเปิดให้บริการ ซึ่งเป็นอัตราที่ช้ากว่าการกลับมาเปิดโรงแรมในทวีปยุโรปเนื่องจากหลายประเทศในลาตินอเมริกายังคงเผชิญกับสถานการณ์ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่เพิ่มขึ้น
ขณะที่ ไมเนอร์ ฟู้ด ในประเทศไทยเริ่มกลับมาเปิดให้บริการสาขาร้านอาหารแบบนั่งทาน ทั้งร้านอาหารแบบ Stand alone และร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าตามข้อบังคับของทางรัฐบาลตั้งแต่ช่วงต้นเดือน พ.ค.63 แต่ด้วยการจัดสรรจำนวนที่นั่งไม่เต็มพื้นที่ ตามแนวทางการเว้นระยะห่างทางสังคม อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดือน มิ.ย.63 ที่ผ่านมาได้มีการผ่อนคลายมาตรการการเว้นระยะห่างทางสังคม ร้านอาหารจึงเริ่มรับลูกค้าจำนวนมากขึ้น เนื่องจากสามารถจัดสรรพื้นที่ภายในร้านได้ดีขึ้น แต่ยังคงมีการรักษามาตรการด้านความปลอดภัยและสุขอนามัยอย่างเข้มงวด
ทั้งนี้ ณ ช่วงกลางเดือนก.ค.63 จำนวน 94% ของสาขาร้านอาหารของไมเนอร์ฟู้ดทั้งหมด 1,490 แห่งทั่วประเทศกลับมาเปิดให้บริการ โดยจะมีการติดตามสาขาที่เปิดให้บริการทั้งหมดอย่างใกล้ชิด เพื่อให้แน่ใจว่าร้านอาหารที่เปิดให้บริการเหล่านี้จะสร้างกระแสเงินสดที่เป็นบวกให้กับบริษัท โดยนับตั้งแต่กลับมาเปิดสาขา ยอดขายของแบรนด์ส่วนใหญ่เริ่มกลับมาอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับระดับก่อนการระบาดของโรค COVID-19
ขณะเดียวกัน ไมเนอร์ฟู้ดจะยังคงมุ่งเน้นไปที่การผลักดันการขายผ่านบริการจัดส่งอาหารและซื้อกลับบ้าน พร้อมทั้งพัฒนาแพลตฟอร์ม 1112 Delivery อย่างต่อเนื่อง
ประเทศจีน: สาขาร้านอาหารส่วนใหญ่ในประเทศจีนกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งตั้งแต่ช่วงต้นเดือน มี.ค.63 และมากกว่า 90% ของสาขาร้านอาหารทั้งหมดได้เปิดให้บริการ ณ กลางเดือน ก.ค.63 กลุ่มธุรกิจร้านอาหารในประเทศจีนของไมเนอร์ฟู้ดมีการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่การเปิดสาขา จากสถานการณ์ที่คงที่และปรับตัวดีขึ้น โดยยอดขายมีการปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับในทุกสัปดาห์ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าประมาณการในสถานการณ์ที่ดีที่สุด (Best-Case Scenario) ของกลุ่มบริษัท
และไมเนอร์ ฟู้ดในประเทศจีนได้กลับมามีกำไรในระดับร้านสาขาในเดือน พ.ค.63 อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวในประเทศจีนได้ชะลอตัวลงในเดือน มิ.ย.และ ก.ค.63 จากผลกระทบจากการระบาดรอบสองของโรค COVID-19ในกรุงปักกิ่ง ทั้งนี้ การระบาดรอบสองมีผลกระทบเพียงชั่วคราวในพื้นที่วงจ กัดในประเทศจีนเท่านั้น ดังนั้น ไมเนอร์ฟู้ดจึงคาดว่าการดำเนินงานในประเทศจีนจะฟื้นตัวสู่ระดับก่อนเกิดวิกฤตภายในช่วงต้นเดือนส.ค.63
ออสเตรเลีย: ในเดือน มิ.ย.63 บริการการนั่งทานภายในร้านอาหารได้เริ่มกลับมาเปิดให้บริการในประเทศออสเตรเลียภายหลังมาตรการการปิดประเทศผ่อนคลายลง โดยในช่วงกลางเดือน ก.ค.63 สาขาร้านอาหารมากกว่า 90% ของสาขาทั้งหมดกลับมาเปิดให้บริการพร้อมด้วยมาตรการการเว้นระยะห่างทางสังคม ในขณะเดียวกัน กลุ่มธุรกิจร้านอาหารในประเทศออสเตรเลียมีการปิดสาขาร้านอาหารนอกพื้นที่เชิงกลยุทธ์เป็นการถาวรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของร้านอาหาร ทั้งนี้ไมเนอร์ฟู้ดในประเทศออสเตรเลียยังคงผลักดันยอดขายผ่านบริการจัดส่งอาหารและการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่น่าสนใจ
ด้านไมเนอร์ ไลฟ์ สไตล์ ในเดือน พ.ค.63 จุดจำหน่ายสินค้าเริ่มเปิดให้บริการอีกครั้ง โดยประมาณ 99% ของร้านค้าทั้งหมดได้เปิดให้บริการ จากการผ่อนคลายมาตรการการปิดประเทศระยะที่สองซึ่งอนุญาตให้ศูนย์การค้ากลับมาเปิดให้บริการ อย่างไรก็ตาม ไมเนอร์ ไลฟ์ สไตล์ยังคงมุ่งเน้นที่การขายผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ ทั้งทางเว็บไซต์ของแบรนด์เองและตลาดออนไลน์อื่นๆ นอกจากนี้ ยอดขายปลีกของผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมือและน้ำยาทำความสะอาดอื่นๆ ยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง
ทั้งนี้ MINT ยังคงให้ความสำคัญในการรักษากระแสเงินสดและสภาพคล่อง โดยบริษัทมีเงินสดในมือและวงเงินสินเชื่อของทั้ง MINT และ NH รวมทั้งหมดจำนวนกว่า 7 หมื่นล้านบาท ซึ่งเพียงพอต่อการดำเนินงานในอนาคตMINT มีแผนการระดมทุนแบบเบ็ดเสร็จ 2.5 หมื่นล้านบาท ผ่านการออกตราสารต่างๆ โดย MINT ประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นกู้ที่มีลักษณะคล้ายทุนจำนวน 300 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 9.5 พันล้านบาท ในขณะเดียวกัน MINT อยู่ในระหว่างการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนโดยการจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน และการออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญจำนวนรวม 1.5 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ แผนการระดมทุนดังกล่าวจะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับงบดุลในช่วงเวลาที่ท้าทายนี้
พร้อมกันนั้น MINT ได้มีการดำเนินมาตรการการลดต้นทุนต่างๆ ในทุกหน่วยธุรกิจและฝ่ายงานสนับสนุนทั้งหมดในทุกภูมิภาคทั่วโลก เพื่อลดผลกระทบต่อรายได้และผลกำไรให้น้อยที่สุดตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของการระบาดของโรค COVID-19