ตามที่ นางนิติยาภรณ์ หิรัญนิรมล สอบถามเรื่อง “โครงการกำลังใจ” จากงบประมาณ พ.ร.ก.เงินกู้ฯ ตามประเด็นข้อสังเกตของ น.ส.สรัสนันท์ อรรณพพร ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ในฐานะ กมธ.ท่องเที่ยว กล่าวถึง “โครงการกำลังใจ” เพื่อตอบแทนเจ้าหน้าที่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน โดยให้แพกเก็จท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดโควิด-19 ว่าอาจส่อไปในทางทุจริต โดยมีข้อคิดเห็นว่า การนำสิทธิ์แพกเก็จท่องเที่ยวมาผูกให้เจ้าหน้าที่ อสม. นั้น ผู้ประกอบการและ อสม.ต่างไม่ได้รับประโยชน์จากโครงการนี้ และอสม. ถูกเรียกเก็บบัตรประชาชน เพื่อนำไปจองสิทธิ์ที่ในวันที่ 25 ก.ค.นี้ และพบว่ามีการตั้งบริษัททัวร์ขึ้นมาเฉพาะกิจเพื่อผูกขาดรับงานโดยอาศัยความสัมพันธ์พิเศษกับผู้มีอำนาจ รวมทั้งสมาคมผู้ประกอบการทัวร์เห็นว่า โครงการนี้ไม่ได้สะท้อนความเป็นไปได้ หรือเปิดโอกาสรับฟังผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง แถมยังเอื้อประโยชน์ให้คนเฉพาะกลุ่ม
ข้อชี้แจง
วัตถุประสงค์ของโครงการ “กำลังใจ” เป็นไปเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่บุคลากรสมาชิก อสม. รพ.สต. และ อสส. ที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นอย่างดี และมีบทบาทสำคัญยิ่ง ด้วยการทำหน้าที่สนับสนุนการทำงานของทีมแพทย์ พยาบาล ยกระดับงานสาธารณสุขให้สามารถทำงานเชิงรุกควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมทั้ง โครงการ “กำลังใจ” เป็นการกระตุ้นการเดินทางจากภาครัฐโดยตรงซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการเยียวยาผู้ประกอบการและบุคลากรด้านการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบให้สามารถประคองธุรกิจและประกอบอาชีพได้ โดยรัฐบาลสนับสนุนงบประมาณสำหรับการศึกษาดูงาน (2 วัน 1 คืน) คนละ 2,000 บาท เดินทางโดยใช้บริการของบริษัทนำเที่ยวในประเทศที่มีการจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายกับกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่าเป็นผู้ประกอบการนำเที่ยวที่แท้จริง และเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดช่องโหว่ในกรณีที่จะมีหน่วยงานในระดับตำบลหรือจังหวัด หรือในท้องถิ่นตั้งบริษัทนำเที่ยวเป็นการเฉพาะ เพื่อแสวงหาประโยชน์ในโครงการนี้ ทั้งนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดย ททท. ทำงานร่วมกับภาคเอกชน สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวต่าง ๆ รวมทั้งในเชิงระบบกับธนาคารกรุงไทย โดย ททท. ได้มีการร่วมประชุมกับผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง และมีการรับฟังเสียงของผู้เกี่ยวข้องในโอกาสต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งกลุ่ม อสม รพ.สต. อสส. ผ่านผู้แทนกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สธ. ผู้แทนกรุงเทพมหานคร ต้นสังกัดของบุคลากรต่าง ๆ เพื่อให้การดำเนินงานเกิดประโยชน์สูงสุดในการสร้างขวัญกำลังใจครั้งนี้ ขณะเดียวกัน ททท. ร่วมกับธนาคารกรุงไทย ได้ประชุมรับฟังและวางแผนงานกับกลุ่มผู้ประกอบการ ทั้งสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวต่าง ๆ ในหลาย ๆ วาระ เพื่อกำหนดคุณภาพ มาตรฐานการบริการ การตรวจสอบการเดินทางจริงให้รัดกุมที่สุด โดยในการประชุมร่วมครั้งล่าสุด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการรวบรวมบุคลากรไปยังธุรกิจรายใดรายหนึ่ง ได้มีข้อตกลงที่จะร่วมกันกำหนดจำนวนบุคลากรมากสุด ที่แต่ละบริษัทจะสามารถรับไปดำเนินการได้แต่ต้องไม่เกินจำนวนดังกล่าว เพื่อให้เกิดการกระจายโอกาสอย่างแท้จริงอีกประการหนึ่งด้วย
ในส่วนของการดำเนินการ มีรายละเอียด ดังนี้
– ขั้นตอนแรก บริษัทนำเที่ยวจะต้องจดทะเบียนผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยว ก่อนวันที่ 1 มกราคม 2563 เท่านั้น เพราะเป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์จริง ไม่สามารถจัดตั้งบริษัทใหม่มาผูกขาดได้
– ขั้นตอนที่สอง บุคลากร อสม. รพ.สต. อสส. ต้องเปิดแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” ของธนาคารกรุงไทย เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการยืนยันเดินทางกับแอปพลิเคชั่น “ถุงเงิน” ธนาคารกรุงไทยของบริษัทนำเที่ยว การยืนยันตัวตนและการเดินทางจะใช้ระบบสแกนแอปพลิเคชั่นของธนาคารกรุงไทยทุกคนโดยไม่ได้ใช้เพียงบัตรหรือรายชื่อเท่านั้น
– สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวพิจารณาตรวจสอบคุณภาพของรายการนำเที่ยว ทั้งนี้ เมื่อได้รับการอนุมัติแล้ว บริษัทไม่สามารถยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงรายการนำเที่ยวได้
– เมื่อรายการนำเที่ยวผ่านการตรวจสอบ และบริษัทลงทะเบียนแอปพลิเคชั่นถุงเงินเรียบร้อยแล้ว จึงจะนำรายการนำเที่ยวขึ้นเสนอใน www.เที่ยวปันสุข.ไทย ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2563
– ในช่วงวันที่เดินทางจริง (ระหว่างวันที่ 30 กรกฎาคม – 31 ตุลาคม 2563) บริษัทนำเที่ยวจะต้องใช้แอปพลิเคชันถุงเงิน สแกน QR Code ของแอปพลิเคชันเป๋าตังของคณะเดินทางทุกคน (อสม. รพ.สต. และ อสส.) เพื่อยืนยันพิกัดการเดินทางจำนวน 2 ครั้ง ในวันแรกและวันที่สอง และใช้เป็นหลักฐานสำคัญประกอบการเบิกค่าใช้จ่าย
– บริษัทนำเที่ยวจะต้องเก็บหลักฐานการเดินทางของคณะในรูปแบบเอกสาร เป็นระยะเวลา 1 ปี และสามารถนำมาแสดงในกรณีที่ต้องรับการตรวจสอบเพิ่มเติมได้ อาทิ ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว รายการนำเที่ยว ไม่น้อยกว่า 2 วัน 1 คืน รายชื่อผู้เข้าพักรับรองโดยทางโรงแรม ประกันอุบัติเหตุและภาพถ่ายหมู่ของคณะทุกคนจำนวน 4 ภาพ