ตลาด E-Commerce ในประเทศไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง และปี 2563 คาดว่าจะมีมูลค่าถึง 5,572 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จุดนี้เองทำให้ Best Express หนึ่งในผู้ให้บริการขนส่งพัสดุจากประเทศจีนตัดสินใจบุกตลาดไทยเต็มที่
E-Commerce ทำ Logistic เติบโต
Best Express เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการขนส่งพัสดุรายใหม่ในไทย เพราะเข้ามาทำธุรกิจที่นี่ปี 2562 แต่จริงๆ แล้ว Best Express ทำธุรกิจมาตั้งปี 2550 ในชื่อ Best Inc. ที่ประเทศจีน มีกลุ่ม Alibaba เป็นผู้ลงทุนหลัก และให้บริการ Logistic ครบวงจร แบ่งเป็น 8 ธุรกิจย่อย เช่นส่งพัสดุ และบริหาร Supply Chain เป็นต้น
การเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยของ Best Express แตกต่างจากผู้ให้บริการขนส่งพัสดุรายอื่น เพราะใช้กลยุทธ์เฟรนไชส์ 100% พร้อมกับลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาทในระยะเวลา 5 ปี เพื่อสร้างสายส่ง, ศูนย์บริการจัดการพัสดุ รวมถึงคลังสินค้า และจากการทำแบบนี้ทำให้ Best Express สามารถเติบโตตามกระแส E-Commerce ได้
Jason Qian ผู้จัดการทั่วไปภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประธานกรรมการ บริษัท เบสท์ โลจิสติกส์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด เล่าให้ฟังว่า ภาพรวมธุรกิจขนส่งในไทยเติบโตเหมือนตัวเลข E-Commerce โดยในปี 2561 มูลค่าตลาดธุรกิจขนส่งอยู่ที่ 3,500 ล้านบาท และตัวเลขคาดการณ์ปี 2563 อยู่ที่ 6,600 ล้านบาท
อัด 300 ล้านบาทสู้ศึก COVID-19
ขณะเดียวกันเพื่อเดินหน้าธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพในปี 2563 ที่มีวิกฤต COVID-19 มาตั้งแต่ช่วงต้นปี Best Express มีแผนลงทุนราว 300 ล้านบาท พร้อมกับใช้งบประมาณ 10% ของรายได้ในการทำตลาด โดยทั้งหมดนี้มีเป้าหมายสร้างแบรนด์ Best Express ให้แข็งแกร่งทั้งในแง่ธุรกิจ และการเป็นที่รู้จัก
“เราเคยผ่านวิกฤตการระบาดของโรค SARS จึงสามารถนำความรู้ความเข้าใจมาประยุกต์ใช้กับวิกฤต COVID-19 ได้ โดยในประเทศไทยนั้นตัวธุรกิจยังไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตดังกล่าวมากนัก ดังนั้นแผนธุรกิจในครึ่งปีหลังของ Best Express ยังเดินหน้าเหมือนที่วางแผนไว้”
เบื้องต้น Best Express มีแผนระยะสั้นคือ ยกระดับการขนส่งทั่วประเทศไทยให้ดีขึ้น พร้อมช่วยเหลือผู้ร่วมทำธุรกิจให้เติบโตในอุตสาหกรรมขนส่งพัสดุได้เต็มรูปแบบ ผ่านการเป็นตัวกลางเชื่อมการส่งสินค้าทั้งใน และจากต่างประเทศ ส่วนแผนระยะยาว Best Express ต้องการนำธุรกิจอื่นๆ เข้ามาทำตลาดในไทยเพื่ออยู่ในทุกส่วนธุรกิจการขนส่ง
เพิ่มสาขาเป็น 2,000 แห่ง-ต้นทุนต่ำสุด เร็วสุด
หากเจาะไปที่แผนระยะสั้น Best Express ต้องการเพิ่มเฟรนไชส์รับสินค้าทั้งหมด 2,000 แห่งภายในปี 2565 จากปัจจุบันมีราว 500 สาขา โดยเฟรนไชส์ของ Best Express จะแบ่งเป็น 4 ระดับคือ แฟรนไชส์หลัก, แฟรนไชส์รอง, ช้อป และจุดรับพัสดุ
นอกจากนี้ยังพยามรักษาความเป็นผู้ให้บริการขนส่งที่มีต้นทุนการจัดส่งต่ำที่สุด และส่งถึงที่หมายได้เร็วที่สุดเอาไว้เช่นเดิม พร้อมคงบริการเข้ารับพัสดุถึงหน้าบ้านเพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดส่ง ไม่ว่าจะเป็นพัสดุชิ้นเดียว หรือหลายชิ้น รวมถึงการโอนเงินในกรณีใช้บริการเก็บเงินปลายทาง (COD) ภายใน 1 วันทำการ
สำหรับ Best Inc. บริษัทแม่ของ Best Express จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ New York มีรายได้ในไตรมาสแรกของปี 2563 ที่ 771.9 ล้านดอลลาร์ ลดลง 20% เนื่องจากเกิดการระบาดของโรค COVID-19 ขาดทุนสุทธิ 106 ล้านดอลลาร์
สรุป
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ Best Express จะเติบโตจนกลายเป็นเบอร์หนึ่งของธุรกิจขนส่งพัสดุในประเทศไทย เพราะคู่แข่งทุกรายต่างลงทุน และเดินหน้าส่งกลยุทธ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเครือข่ายระดับโลก และมี Alibaba อยู่เบื้องหลัง ก็ต้องติดตามกันว่า Best Express จะเดินไปถึงจุดนั้นได้เมื่อไร
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา