เจาะธุรกิจ JMART เมื่อราคาหุ้นร้อนแรงทั้งกลุ่ม ชี้เป็นโมเดลธุรกิจที่มีความน่าสนใจ กลายเป็นความร้อนแรงตอนนี้ ที่ดำเนินธุรกิจแบบมีแกนธุรกิจหลัก เป็นการค้าปลีกและค้าส่งโทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์ไอที
ระยะ 2 – 3 เดือนมานี้ JMART หรือ บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) จัดว่าเป็นหุ้นที่มีวอลุ่มซื้อขายคึกคักจนน่าจับตา โดยผลตอบแทน 3 เดือนย้อนหลัง ปรับเพิ่มขึ้น 95.42% ราคาล่าสุด ณ วันที่ 17 มิถุนายน 2563 ขยับมาที่ 12.80 บาทแล้ว ไม่ใช่แค่ JMART เท่านั้นที่ราคาร้อนแรง แต่บริษัทย่อยอื่นๆ ในเครือราคาหุ้นก็พุ่งไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น
– หุ้น JMT บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) ผลตอบแทน 3 เดือนย้อนหลัง เพิ่มขึ้น 60.29%
– หุ้น SINGER บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) ผลตอบแทน 3 เดือนย้อนหลัง เพิ่มขึ้น 198.39%
– หุ้น J บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) ผลตอบแทน 3 เดือนย้อนหลัง เพิ่มขึ้น 67.80%
สำหรับการเติบโตที่เด้งยกแผงแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดได้บ่อยๆ ดังนั้นวันนี้เราจะพามาลองทำความรู้จักธุรกิจของกลุ่ม JMART ให้มากยิ่งขึ้นดีกว่า โดย JMART เป็นโฮล ดิ้งคอมพานี ที่มีแกนธุรกิจหลัก เป็นการค้าปลีกและค้าส่งโทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์ไอทีต่างๆ
ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีกลุ่มบริษัทย่อยอื่นๆ ในหลากหลายธุรกิจ อาทิ ธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ธุรกิจบริหารสินเชื่อด้อยคุณภาพ ธุรกิจบริหารพื้นที่เช่า ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจฟินเทคสตาร์ตอัพ ปัจจุบันมีบริษัทที่เทรดในตลาดหุ้นด้วยกัน 4 แห่ง คือ
1. JMART : เป็นบริษัทแม่ และลงทุนในธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งโทรศัพท์มือถือ กล้องดิจิทัล และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด : 11,604 ล้านบาท
2. JMT : ธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ, บริการติดตามเร่งรัดหนี้สิน และปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด : 24,293 ล้านบาท
3. SINGER : ธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์จักรเย็บผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการเกษตร ตู้เติมเงินโทรศัพท์มือถือออนไลน์ ตู้เติมน้ำมันแบบหยอดเหรียญ และเครื่องทำน้ำหวานเกล็ดหิมะ มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด : 10,143 ล้านบาท
4. J : ธุรกิจบริหารจัดการพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้า, ตลาดชุมชน และศูนย์การค้าชุมชน มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด : 785 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี เมื่อมองในภายใหญ่จะเห็นว่าความน่าสนใจของกลุ่ม JMART คือการมีธุรกิจในเครือหลากหลายมาก เมื่อเทียบกับขนาดกิจการที่มีมูลค่าหลักหมื่นล้าน ทำให้บริษัทในกลุ่มมีการ Synergy กันและกัน จนกลายเป็นจุดเด่นที่ไม่เหมือนใคร เพราะถ้าย้อนไปแต่เดิมนั้นรายได้หลักของ JMART พึ่งพาแค่รายได้จากการขายโทรศัพท์มือถือผ่านร้าน “เจมาร์ท” เพียงอย่างเดียว ซึ่งข้อมูลเมื่อปี 2016 จะพบว่ารายได้จากธุรกิจมือถือคิดเป็นสัดส่วนถึง 80% ของทั้งหมด แต่ปัจจุบันในปี 2019 รายได้จากธุรกิจมือถือเหลือเพียง 60% เท่านั้น
ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากการเติบโตแบบก้าวกระโดดของธุรกิจบริหารสินเชื่อและการเงิน ซึ่งเกิดจากการประสานงานของ JMT กับ SINGER รวมถึงกลุ่มธุรกิจฟินเทคสตาร์ตอัพที่อยู่นอกตลาดหุ้นอย่าง J Fintech นั่นเอง
ยกตัวอย่างให้ภาพ ก็คือลูกค้าสามารถซื้อสินค้าแบบเงินผ่อนกับ SINGER รวมถึงขอกู้สินเชื่อกับ J Fintech ไปพร้อมๆ กันได้อีกด้วย ขณะเดียวกัน JMT ก็มีหน้าที่เร่งรัดติดตามหนี้สิน ซึ่งถ้ามีหนี้เสียของบริษัทในเครือ ก็ยังสามารถรับซื้อหนี้เสียนั้น เพื่อมาบริหารสร้างกำไรได้ต่ออีกทอด
สำรวจบทวิเคราะห์ IAA Consensus หุ้นในกลุ่ม JMART
แน่นอนว่านี่เป็นโมเดลธุรกิจที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งที่ต้องจับตาคงหนีไม่พ้นตัวเลขผลประการในช่วงไตรมาส 2 นี้ ซึ่งมีข่าวแว่วๆ ว่าอาจมีทำลายสถิติใหม่อีกครั้ง จนเป็นสาเหตุให้ราคาหุ้นพุ่งสะท้อนข่าวดีไปก่อนแล้วนั่นเอง
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เจาะหุ้นถุงมือยาง ‘STGT’ ราคาแรง… แพงไปหรือยัง ?
- ‘หุ้นการบินไทย’ กับ 3 เรื่องที่ต้องจับตา!!
- วิเคราะห์ ‘บิ๊กดีล’ GULF ควักเงิน ซื้อหุ้น ‘INTUCH’
Add Friend Follow