….. “อาจเป็นเพราะอากาศเย็นมั้งครับ ผมไม่ค่อยชอบอากาศร้อนเท่าไร โยนโบว์ลิ่งก็เหนื่อยเหมือนกัน แต่อย่างน้อยก็อยู่ในห้องแอร์ ได้เจอเพื่อนๆ พูดคุยเฮฮามากกว่า”….
นั่นคือคำบอกเล่าถึงเหตุผล ในการเลือกเล่นกีฬาโบว์ลิ่ง ของนักทอยแก่นอนาคตไกลวัย 17 ปี ที่ชื่อ “ฌาน อารีย์กุล” ซึ่งเป็นหนึ่งในเด็กปั้น ของสมาคมกีฬาโบว์ลิ่งแห่งประเทศไทยฯ ในขณะนี้
ถ้าจะบอกแค่ชื่อ “ฌาน” คงมีน้อยคนที่จะรู้จัก แต่ถ้าบอกว่าเขาคือน้องชายแท้ๆ ของ “เฌอปราง อารีย์กุล” หรือ เฌอปราง BNK48 เชื่อว่าหลายคนคงสนใจเขามากขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน
ย้อนกลับไปเมื่อราว 11 ปีก่อน ฌาน เผยว่า การโยนโบว์ลิ่งไม่ใช่สิ่งที่คิดว่าจะจริงจังในชีวิต แต่พอมารู้ตัวอีกที ก็หลงรักกีฬาชนิดนี้ จนถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว
“ตอนแรกเริ่มจากการโยนเล่นๆ กับครอบครัว แต่หลังจากนั้นก็รู้ตัวว่าชอบกีฬาที่เป็นทรงกลม เพราะมองแล้วสบายตา จริงๆ ผมเล่นได้หมดทั้งบาสเกตบอล ฟุตบอล ปิงปอง ส่วนที่ชอบโบว์ลิ่งเป็นพิเศษ เพราะเป็นกีฬาในร่ม แถมไม่ร้อน และได้สู้กับตัวเองด้วย”
“จากตอนแรกที่เริ่มโยนโบว์ลิ่งตั้งแต่ 6 ขวบ แต่ก็ไม่ได้จริงจัง จากนั้นก็เว้นว่างไปช่วงหนึ่ง กระทั่งกลับมาเล่นแบบจริงจังมากขึ้นเมื่อ 4 ปีที่แล้ว”
“จนผมได้มาเล่นกับพี่ๆ ในรุ่นประชาชน ซึ่งมีแมตช์หนึ่งที่ผมแข่งประเภทคู่กับรุ่นพี่ในทีมชาติ แล้วได้แชมป์มา พี่เขาเห็นว่าเรามีแวว ก็เลยเรียกเข้ามาซ้อมในแคมป์ทีมชาติ”
เมื่อถามถึงคนที่เป็นต้นแบบ หรือ “ไอดอล” ในสายนักทอยแก่น ฌาน ยอมรับแบบตรงไปตรงมาว่า ทั้ง แอนดรูว์ แอนเดอร์สัน แชมป์โลกชาวอเมริกัน และ “บัว” สุรศักดิ์ มานุวงศ์ คือรุ่นพี่ที่ชื่นชอบเป็นพิเศษ
“โดยส่วนตัวแล้วนักโบว์ลิ่งที่ชอบก็มีหลายคน ทั้งในและต่างประเทศ ถ้าเป็นนักโบว์ลิ่งไทยชอบก็คงเป็น “พี่บัว” สุรศักดิ์ มานุวงศ์ เพราะใส่ที่ล็อกข้อมือเหมือนกัน แล้วพี่เขาก็โยนแม่นดี ส่วนของต่างประเทศจะเป็น แอนดรูว์ แอนเดอร์สัน เพราะเขามีจังหวะการโยนที่ดี และโยนได้ไหลลื่นมาก ๆ”
ถึงแม้นักทอยแก่นดาวรุ่งรายนี้ จะพยายามสร้างชื่อเสียงและเส้นทางชีวิตของตัวเอง แต่ในฐานะที่เป็นน้องชายไอดอลระดับประเทศ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าต้องถูกจับจ้องเป็นพิเศษ แต่ ฌาน เผยว่าเข้าใจ และยอมรับได้ในเรื่องนี้
“ในช่วงแรกๆ ที่พี่เริ่มมีชื่อเสียง ผมก็กดดันเหมือนกัน แต่หลังๆ มาก็เริ่มชินแล้ว เพราะว่าผมเริ่มเข้าใจวงการบันเทิงและการใช้ชีวิตมากขึ้น เมื่อคนที่มีชื่อเสียงอยู่ใกล้ตัว”
และในฐานะที่พี่สาวเป็นไอดอลระดับชาติ ที่มีหลายคนให้การยอมรับในความสามารถ และประสบความสำเร็จทั้งด้านการเรียนและด้านบันเทิง ฌาน อารีย์กุล ยอมรับว่า ได้พยายามนำเอาแนวทางการใช้ชีวิตของพี่ มาปรับใช้เช่นกัน
“โดยส่วนตัว ผมก็เอาความขยันของพี่มาปรับใช้เหมือนกันครับ เพราะตั้งแต่ที่ผมโตมา ก็เห็นว่าพี่เป็นคนขยันมาก ก็รู้สึกชื่นชมในเรื่องนี้ อีกอย่างพี่ผมก็ไม่เคยท้อกับอะไรง่ายๆ ด้วย เวลามีเรื่องอะไรก็สามารถปรึกษาได้ทุกเรื่อง”
“ถึงแม้ว่าตอนนี้ จะไม่ค่อยได้พูดคุยกันเท่าไร แต่พอพี่รู้ว่าผมชอบกีฬากับศิลปะ เขาก็ซื้ออุปกรณ์มาให้ใช้บ้าง หรือบางครั้งก็ขับรถมารับมาส่งตอนซ้อมบ้าง และให้กำลังใจกันอยู่ตลอด”
และเมื่อถูกถามถึงอนาคตของตัวเอง ทั้งในการเล่นกีฬาและการเรียน ฌาน เผยว่า ไม่ได้รู้สึกว่าต้องรับผิดชอบที่หนักเกินไป แต่กลับรู้สึกสนุกมากกว่า และยังทำให้ดีที่สุดในทุกๆ ด้าน
“เป้าหมายในอนาคต ผมก็อยากติดทีมชาติไทยไปแข่งซีเกมส์ หรือเอเชียนเกมส์ในอนาคต รู้สึกว่าแค่ได้ไปแข่งก็ดีใจแล้ว เพราะจากรุ่นพี่ในทีมชาติตอนนี้ก็เก่งๆ กันทั้งนั้น ถ้าจะไต่เต้าขึ้นไปสู่ชุดใหญ่ ก็น่าต้องใช้เวลาอีก 4-6 ปี เพราะต้องสะสมประสบการณ์อีกมากพอสมควร”
“ส่วนเรื่องเรียนไม่ทิ้งแน่นอน เพราะมันคือเป้าหมายหลักของชีวิต และเป็นความหวังของพ่อแม่ด้วย ทำให้ตอนม.ปลาย ผมตัดสินใจเลือกสายศิลป์ เพราะว่าโดยส่วนตัวสนใจศิลปะอยู่แล้ว และอีกอย่างโรงเรียนที่อยู่ตอนนี้ สายศิลป์ไม่ได้เรียนหนักเท่าสายวิทย์ มันก็น่าจะเป็นประโยชน์และเอื้อกับการเล่นกีฬา”
ส่วนคำถามสุดท้ายก่อนจากกัน และเชื่อว่าหลายๆ คนคงอยากรู้ว่า ในฐานะน้องชายของกัปตัน BNK48 “ฌาน อารีย์กุล” เลือกที่จะโอชิใครกันแน่
“ถ้าให้เลือก ผมเลือกคามิพี่น้ำหนึ่งครับ เพราะชอบหน้าสไตล์ไทยๆ แล้วเวลาพูดก็น่ารักดี ก็ชอบเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นทั้งในรุ่น 1 และรุ่น 2 เพราะผมเป็นคนรักเดียวใจเดียว (หัวเราะ)”
ขอบคุณภาพจาก
– ฌาน อารีย์กุล
– Instagram : charn__chaly
– สมาคมกีฬาโบว์ลิ่งแห่งประเทศไทย