เผยแพร่:
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
ลำปาง – ชาวบ้านฮือร้องผู้ว่าฯลำปาง-สำนักพุทธฯ ซ้ำอีก..จี้เคลียร์ปัญหาพระต่างถิ่นยึดพื้นที่ป่าชุมชนสบเติ๋นตั้งที่พักสงฆ์ แถมส่อแอบอ้างชื่อ-ทำเอกสารปลอมประกอบคำขอตั้งเป็นวัด เผยทั้งแจ้งความ-ร้องเรียนมาหลายรอบเรื่องยังเงียบ
วันนี้(22 ก.ค.) นางจันทร์ศรี วงค์อ้าย ผู้ใหญ่บ้าน , นายสมเพชร ชนะสงคราม – นางสาวสุกาญดา พันธ์ธง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านสบเติ๋น ต.สบป้าด อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง ประมาณ 50 คน ได้เดินทางมาที่ศาลากลางจังหวัด โดยมีการถือป้ายผ้าข้อความเรียกร้องให้เพิกถอนสำนักสงฆ์ถ้ำเทพอุดมมงคลออกจากป่าและถ้ำแม่เติ๋น ยุติการสร้างเป็นวัด ให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างต่างๆออกจากพื้นที่ป่า
เพื่อยื่นหนังสือให้ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางและสำนักพระพุทธศานา ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารต่างๆที่มีผู้แอบอ้างนำไปขอจัดตั้งเป็นวัดต่อสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดลำปาง และให้ยุติการยกสำนักสงฆ์ถ้ำเทพอุดมมงคลขึ้นเป็นวัด และเพิกถอนสำนักสงฆ์ถ้ำเทพอุดมมงคลออกจากป่าชุมชนบ้านสบเติ๋นโดยเร็ว
เพราะไม่เคยมีการจัดทำประชาคมขอความเห็นชอบจากชาวบ้านสบเติ๋นให้สร้างเป็นวัด มีการสร้างเอกสารหลักฐานเท็จ โดยการนำเอกสารรายชื่อชาวบ้านที่เข้าร่วมประชุมประจำเดือนของหมู่บ้านไปแนบขออนุมัติจัดตั้งเป็นวัด มีการปลอมลายเซ็นต์ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน(ขณะนี้)และทำบันทึกประชุมประจำเดือนปลอมนำปขออนุมัติจัดตั้งเป็นวัดด้วย
ซึ่งที่ผ่านมาชาวบ้านได้แจ้งความไว้ที่ สภ.แม่เมาะ และได้ทำหนังสือร้องเรียนถึงผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดลำปางหลายฉบับ แต่ไม่มีการตอบรับหรือดำเนินการใดๆ
ดังนั้นจึงขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางและสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดลำปาง ตรวจสอบและเอาผิดทางกฎหมายกับผู้ที่จัดทำเอกสารเท็จในการขอยกสำนักสงฆ์ถ้ำเทพอุดมมงคลขึ้นเป็นวัดเสนอต่อสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดลำปางและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ต่อนายสุรพล บุรินทราพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ได้เข้าพูดคุยและสอบถามปัญหาที่เกิดขึ้น ก่อนที่จะมอบหมายให้นายคมกริช เจริญพัฒนสมบัติ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดลำปาง เป็นผู้แทนพร้อมด้วยตัวแทนสำนักพระพุทธศสนาจังหวัดลำปางรับมอบหนังสือจากผู้ใหญ่บ้านบ้านสบเติ๋น
ทั้งนี้ตัวแทนสำนักพระพถทธศาสนาจังหวัดลำปางระบุว่า หลังมีการขอจัดตั้งวัด ซึ่งมีชาวบ้านร้องเรียนมา 2 รอบ ถึงพฤติกรรมของพระ และกรณีที่พักสงฆ์ถ้ำเทพอุดมมงคล ก็ระบุไปว่าขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการขอใช้พื้นที่ตรงนี้ ทางสำนักพุทธฯก็แจ้งไปว่า ที่พักสงฆ์ถ้ำเทพอุดมมงคลที่ตั้งอยู่หน้าป่าชุมชนบ้านสบเติ๋นในขณะนี้ไม่มีชื่ออยู่ในทำเนียบที่พักสงฆ์ของสำนักพุทธฯ และได้ตรวจสอบว่าพระสงฆ์ที่อยู่ในบริเวณที่ทำการป่าชุมชนบ้านสบเติ๋นให้ย้ายเข้าไปสังกัดหรือไปรายงานตัวต่อเจ้าคณะปกครองสงฆ์ เพื่อให้ยืนยันตัวตนก่อน และได้รายงานไปยังคณะผู้ปกครองสงฆ์ ทั้งเจ้าคณะตำบล อำเภอ จังหวัดแล้วเพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับพระสงฆ์ ส่วนพระและแม่ชีที่พักอยู่ในพื้นที่ป่าชุมชนบ้านสบเติ๋นให้ย้ายออกจากพื้นที่
ส่วนการดำเนินต่อจากนี้ ซึ่งชาวบ้านให้เวลา 15 วัน เพื่อทราบความคืบหน้าเป็นระยะนั้น ระหว่างนี้ขอให้มีการปิดพื้นที่ที่มีปัญหาโดยห้ามไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้า-ออก จนกว่าจะสามารถแก้ปัญหาดังกล่าวตามที่ชาวบ้านร้องขอได้
ทั้งนี้จากการตรวจสอบบริเวณที่ตั้งของถ้ำสบเติ๋น พบว่าจากหมู่บ้านลัดเลาะไปตามทางรถไฟเข้าไปในพื้นที่ป่าด้วยถนนทางธรรมชาติ ระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าเป็นจุดสิ้นสุดของป่า พบว่าบริเวณเหนือหน้าผาซึ่งมีปล่องถ้ำยังคงมีต้นไม้ขนาดใหญ่จำนวนมาก แสดงให้เห็นถึงสภาพป่าที่สมบูรณ์ ส่วนพื้นที่ด้านล่างที่ไม่มีต้นไม้มีการก่อสร้างถาวรวัตถุอาคารขนาดใหญ่อยู่บนหินผา รวม2 จุด และมีการก่อสร้างคล้ายที่พักขนาดเล็ก เรียงรายบนหินผาอีกประมาณ 3-4 จุด รวมทั้งมีการก่อสร้างที่พัก ห้องน้ำ ฯลฯ กระจายในพื้นที่ด้วย