เผยแพร่:
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เพชรูรณ์ – ชุดพยัคฆ์ไพร สนธิกำลัง กอ.รมน.เปิดปฏิบัติการทวงผืนป่าเพชรบูรณ์ ยึดสวนยางพารานายทุนปักษ์ใต้รุกป่าหนองไผ่คืนแผ่นดินกว่า 3,400 ไร่ จ่อขยายผลยึดพื้นที่คาบเกี่ยวเขตชัยภูมิอีกเป็นพันไร่
วันนี้(22 ก.ค.) นายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา หัวหน้าชุดพยัคฆ์ไพร, พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หน.ชป.ศปป.4 กอ.รมน. นำเจ้าหน้าที่ชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ และศปป.4 กอ.รมน. พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ สจป.4 สาขาพิษณุโลก-ศูนย์ป่าไม้เพชรบูรณ์-กอ.รมน.จ.เพชรบูรณ์.-ตำรวจ สภ.หนองไผ่ และฝ่ายปกครอง ต.ท่าด้วง อ.หนองไผ่ เปิดปฏิบัติการทวงคืนผืนป่า อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ ภายใต้การอำนวยการของนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้, พลโทเรืองสิทธิ์ มิตรภานนท์ ผอ.ศปป.4 กอ.รมน. ,นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผอ.สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า
โดยลงพื้นที่ตรวจยึดพื้นที่ ที่นายทุนจากภาคใต้ บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าลำกงและป่าคลองตะโก บริเวณหมู่ที่ 4,6,8 ต.ท่าด้วง อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ ทั้งสิ้น 7 แปลง รวมเนื้อที่ 3,403-0-45 ไร่ ได้แก่ แปลงที่ 1 เนื้อที่ 410-3-80 ไร่, แปลงที่ 2 เนื้อที่ 200-1-98 ไร่, แปลงที่ 3 เนื้อที่ 683-0-42 ไร่, แปลงที่ 4 เนื้อที่ 87-0-32 ไร่, แปลงที่ 5 เนื้อที่ 58-2-93.ไร่, แปลงที่ 6 เนื้อที่ 1810-1-34 ไร่, แปลงที่ 7 เนื้อที่ 152-1-64 ไร่ รวมเนื้อที่ 3,403 ไร่เศษ แต่ไม่พบผู้กระทำผิด
อย่างไรก็ตาม จากการสืบทราบข้อมูลพบว่าแปลงปลูกยางพาราทั้งหมด มีนายทุนจากภาคใตชื่อย่อ “เสี่ย พ.”อยู่เบื้องหลังและมี.”เสี่ย ฮ.”นายทุนในพื้นที่อำเภอหนองไผ่เป็นเครือข่าย โดยมีการกว้านซื้อที่ดินตั้งแต่ปี 2553-2554 โดยภายหลังคณะเจ้าหน้าที่มีการปิดป้ายประกาศยึดพื้นที่และดำเนินคดีผู้บุกรุก
เจ้าหน้าที่จึงทำบันทึกการตรวจยึดพื้นที่แล้ว ก่อนรวบรวมพยานหลักฐานและประเมินค่าเสียหายของรัฐในเบื้องต้นราว 232 ล้านบาทเศษ จากนั้นรุดเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.หนองไผ่ เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดและผู้เกี่ยวข้องในข้อหาทำผิด พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 และพ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 รวมทั้งทำผิดประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 ต่อไป
ทั้งนี้ก่อนการลงพื้นที่ปฏิบัติการ นายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา หัวหน้าชุดพยัคฆ์ไพร, พร้อมพ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หน.ชป.ศปป.4 กอ.รมน. ได้ประชุมคณะเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พช.9 (บ้านโคกเจริญ) ต.ท่าด้วง อ.หนองไผ่ โดนนายนฤพนธ์แจ้งว่า เมื่อวานนี้(21 ก.ค.)ได้ประชุมชี้แจงทำความเข้าใจกับทางผู้นำหมู่บ้านและชาวบ้านเพื่อคัดกรองเป้าหมายเรียบร้อยแล้ว
ยืนยันว่า ปฏิบัดิการครั้งนี้เน้นเป้าหมายนายทุนจริงๆ โดยไม่มีชาวบ้านที่จะได้รับผลกระทบแต่อย่างใด ส่วนข้อเท็จจริงยังมีพื้นที่คาบเกี่ยวอยู่ในเขต จ.ชัยภูมิ อีกกว่า 1,000 ไร่ ของนายทุนรายเดียวกันนี้ ซึ่งจะเป็นเป้าในการขยายผลตรวจยึดต่อไป
พ.อ.พงษ์เพชรกล่าวย้ำว่า นายทุนที่บุกรุกยึดครองป่าบริเวณนี้เป็นนายทุนจากภาคใต้โดยมีนายทุนในพื้นที่เป็นเครือข่ายด้วย ได้เข้ามากว้านซื้อที่ดินไว้ตั้งแต่เมื่อปี 2553-2554 เพื่อทำสวนยางพาราเป็นส่วนใหญ่และมีอีกส่วนเป็นสวนปาล์มรวมทั้งพืชเศรษฐกิจอื่นฉะนั้นเป้าหมายที่จะปฏิบัติการทางคณะเจ้าหน้าที่ได้มีการทำการบ้านมาก่อน และคัดกรองเป้าหมายซึ่งเป็นนายทุนจริงๆที่อยู่เบื้องหลัง