กีฬายช.เล็งขยายกรอบอายุกกท.ขอถกสมาคมหาข้อสรุป

กกท.เล็งถกสมาคมกีฬา ขยายกรอบอายุนักกีฬาลงชิงชัยศึกเยาวชนเเห่งชาติ ครั้ง 36 ”ช้างขาวเกมส์” เเละกีฬาผู้สูงอาวุโสเเห่งชาติ หน 3 ”ตราดเกมส์” เหตุ โควิด-19 ทำให้ต้องเลื่อนการเเข่งขันจากปีพ.ศ.2563 ไปเป็นปี 2564 เเละส่งผลกระทบในเรื่องของคุณสมบัติอายุของนักกีฬาหลายๆ คนจนทำให้จะพลาดโอกาสลงเเข่งขัน เพราะมีอายุเกินเกณฑ์ที่กำหนด

   สืบเนื่องจากมติผลการประชุมคณะกรรมการจัดการเเข่งขันกีฬาเยาวชนเเห่งชาติ ครั้งที่ 36 ซึ่งมีการประกาศรับรองให้เลื่อนการเเข่งขันกีฬาเยาวชนเเห่งชาติ ครั้งที่ 36 หรือ ”ช้างขาวเกมส์” จากเดิมระหว่างวันที่ 11-23 ต.ค. 63 ไปเป็นวันที่ 18-28 เม.ย. 64 เเละ กีฬาอาวุโสเเห่งชาติ ครั้งที่ 3 ”ตราดเกมส์” จากเดิม 24-30 ต.ค. 63 ไปเป็นวันที่ 5-11 พ.ค. 64 เนื่องจากผลกระทบในสถานการณ์การเเพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

    ต่อมาฝ่ายพัฒนากีฬาเป็นเลิศ การกีฬาแห่งประเทศไทย ได้นำเสนอประเด็นพิจารณา เรื่องการอนุโลมอายุของนักกีฬาในการเเข่งขันทั้ง 2 รายการ หลังการเเข่งขันถูกเลื่อนออกไป เเละทำให้นักกีฬาหลายๆ คนกังวลอาจจะชวดลงทำการเเข่งขัน เพราะอายุเกินเกณฑ์กำหนดในปีหน้า ต่อ ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาเเห่งประเทศไทย

    ทั้งนี้ฝ่ายพัฒนากีฬาเป็นเลิศ ได้นำเสนอข้อพิจารณาให้กีฬาเยาวชนเเห่งชาติ มีการอนุโลมนักกีฬาที่ผ่านการคัดเลือกนักกีฬาระดับภาค ที่มีอายุเกิน 20 ปี ในปี พ.ศ. 2564 สามารถเข้าร่วมการเเข่งขันกีฬาดังกล่าวได้ เเละให้ยึดผลตามผลการเเข่งขันคัดเลือกนักกีฬาเยาวชนเเห่งชาติ รอบคัดเลือกนักกีฬาระดับภาค ทั้ง 5 ภาค (พ.ศ.2563)

   ขณะที่กีฬาอาวุโสเเห่งชาติ ครั้งที่ 3 (พ.ศ.2563) นักกีฬาที่ผ่านการคัดเลือกระดับภาค ในช่วงระหว่างรุ่นของเเต่ละชนิดกีฬา พ.ศ.2563 จะมีอายุเกินในช่วงอายุระหว่างรุ่นของเเต่ละชนิดกีฬาในปีการเเข่งขัน พ.ศ.2564 ขอให้อนุโลมนักกีฬาที่ผ่านการคัดเลือกระดับภาค มีสิทธิเข้าร่วมการเเข่งขันดังกล่าว โดยยึดตามผลการเเข่งขันดัดเลือกนักกีฬาอาวุโสเเห่งชาติ รอบคัดเลือกระดับภาค ทั้ง 5 ภาค (พ.ศ.2563)

   จากเรื่องดังกล่าว ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาเเห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นสำคัญ ที่ทางกกท.ให้ความสำคัญมากๆ ซึ่งเวลานี้ยังเป็นเพียงข้อเสนอเเนะ ซึ่งตนได้รับทราบเเละเตรียมที่จะนำเข้าหารือกับสมาคมกีฬาต่างๆที่มีชนิดกีฬาของตัวเองบรรจุอยู่ในการเเข่งขันในทั้ง 2 กีฬามหกรรม

   ”เรื่องนี้ กกท. คงจะสรุปเเละตัดสินใจฝ่ายเดียวไม่ได้คงต้องร่วมกันพิจารณาอย่างรอบด้าน พูดคุยกับสมาคมกีฬาในเเต่ละชนิดนั้นๆ ถึงความเหมาะสมเเละความเป็นไปได้ ซึ่งเรายืนยันว่าจะพิจารณาอยู่หลักพื้นฐานของความเท่าเทียมเเละไม่ให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบกันในการเเข่งขันทั้ง 2 รายการ”

ดร.ก้องศักด กล่าวทิ้งท้าย