พายุพัดรุนแรงหลังคาตลาดนัดนครปฐมถล่มดับ 1 เจ็บ 5 ราย

นครปฐม – พายุลมแรงกระหน่ำจังหวัดนครปฐม ส่งผลโครงหลังคาตลาดนัดปฐมนคร พังถล่มลงมา ช่วงมีประชาชนมาจับจ่ายสินค้าช่วงเย็นเป็นจำนวนมาก สุดท้ายมีผู้เสียชีวิต 1 รายเจ็บ 5 ราย ประชาชนตกใจแตกกระเจิงส่งท้ายวันหยุดยาว





วันนี้ ( 28 ก.ค.) เวลาประมาณ 16.40 น. ศูนย์วิทยุมูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม รับแจ้งหลังคาตลาดตลาดปฐมนคร ต.บางแขม อ.เมือง จ.นครปฐม ได้พังถล่มลงมา มาทับคนมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายราย จากนั้นได้ประสานเจ้าหน้าที่ ตำรวจ สภ.เมืองนครปฐม เจ้าหน้าที่กู้ชีพโรงพยาบาลศูนย์นครปฐมเข้าให้การช่วยเหลือในที่เกิดเหตุโดยด่วน

ในที่เกิดเหตุห่างจากถนนสายเพชรเกษมประมาณ 300-400 เมตร เข้ามาก่อนถึงวงเวียนไก่ ฝั่งซ้ายเป็นตลาดนัดมีโครงเหล็กหลังสูงขนาดใหญ่ ที่ต่อออกมาได้พังถล่มลงมา แผ่นเมทัลซีส สีน้ำเงิน สีขาว และสีแดง ร่วงหล่นเกลื่อนและโครงเหล็กหลังคาที่ต่อยื่นออกมาหล่นทับร่างผู้เสียชีวิต เป็นหญิง. 1ราย ทราบชื่อต่อมาคือ นางสาวกราณี แฟบประโคน อายุ 32 38/4 ม.2 ต.สนามจันทร์ อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม และบาดเจ็บอีกประมาณ หลายราย จึงได้เร่งทำการช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บและประชาชนจำนวนมากที่กำลังมาจับจ่ายซื้อของในช่วงเย็น

ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างโกลาหล เนื่องจากเป็นช่วงที่ฝนตกลงมาอย่างหนักรวมถึงบนถนนเพชรเกษม มีผู้ใช้รถเดินทางกลับข้ากรุงเทพเป็นจำนวนมาก ทำให้เป็นอุปสรรคในการทำงานของเจ้าหน้าที่ ที่เร่งทำงานกันอย่างหนัก โดยส่วนเมื่อตรวจสอบเบื้องต้น ยังพบผู้บาดเจ็บ 5 ราย เป็นชาย 2 ราย เป็นหญิง 3 รายถูกลำเลียงและช่วยเหลือปฐมพยาบาลในที่เกิดเหตุพร้อมนำตัวส่งโรงพยาบาลศูนย์นครปฐม อย่างเร่งด่วน และพบว่าทั้งหมดอาการปลอดภัยแล้ว

เบื้องต้นสอบถามชาวบ้านที่กำลังเดินจับจ่ายสินค้าในตลาดนัดดังกล่าวทราบว่าก่อนเกิดเหตุได้มีชาวบ้านและแม่ค้ามาอยู่ในตลาดเป็นจำนวนมาก แต่จู่ๆก็มีเมฆตั้งเค้ามาจากทาบจังหวัดราชบุรี และกาญจนบุรี สีเทาเข้มเหมือนจะมีฝนตกหนักไม่นานก็มีลมพัดกรรโชกเข้ามาอย่างรุนแรงทำให้แผ่นป้ายบริเวณดังกล่าวปลิวไปมาและหลักคากระพือไปมามีเสียงดังของลมน่ากลัวกลัว ไม่นานก็มีเสียงพังครืนของโครงหลังคาลงมามีเสียงคนกรีดร้องด้วยความตกใจ เมื่อวิ่งไปดูก็พบโครงหลังคาและหลังคาตกลงมาลงที่พื้นที่ และทับร่างผู้ตายและผู้มาจับจ่ายสินค้าหลายราย จึงได้ช่วยกันเข้าไปดูคนเจ็บและตาย อีกส่วนก็วิ่งหนีกันกระเจิดกระเจิงไปคนละทิศละทาง โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน 7 จะเข้ามาตรวจสอบสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งต่อไป