เอสทีที จีดีซีฯ ทุ่ม 7 พันล้านตั้งดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่บนพื้นที่ 15 ไร่ ย่านหัวหมาก โชว์ความพร้อมอินฟราฯ เทคโนโลยีแน่น เจาะองค์กรขนาดใหญ่ ธุรกิจอินเทอร์เน็ต อีคอมเมิร์ซที่ใช้ดาต้ามหาศาล พร้อมเปิดบริการต้นปี 64 ตั้งเป้ารายได้หลักพันล้าน มั่นใจองค์กรยังลงทุน ต้องการดิจิทัล อินฟราฯ ตอบโจทย์ธุรกิจยุคนิวนอร์มอล
นายศุภรัฒศ์ ศิวะเพ็ชรานาถ สิงหรา ณ อยุธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสที เทเลมีเดีย โกลบอล ดาต้าเซ็นเตอร์ (ประเทศไทย) หรือ เอสทีที จีดีซี ไทยแลนด์ (STT GDC Thailand) ผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์รายใหญ่ กล่าวว่า บริษัททุ่มงบ 7,000 ล้านบาท ตั้ง ‘ไฮเปอร์สเกล ดาต้าเซ็นเตอร์ แคมปัส’ แห่งแรกในไทย ยึดทำเลย่านหัวหมาก 15 ไร่ เจาะกลุ่มลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ กลุ่มธุรกิจด้านอินเทอร์เน็ต อีคอมเมิร์ซ (โอทีที) ข้ามชาติ ที่มีปริมาณการใช้ดาต้า หรือคอนเทนท์มหาศาล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกค้าที่ไว้วางใจในความเชี่ยวชาญการให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ของ เอสทีที จีดีซี ที่ให้บริการในต่างประเทศอยู่แล้ว
“ตลาดเอ็นเตอร์ไพร์ส เรามององค์กรอย่างแบงก์ รีเทล ซึ่งถือเป็นโอกาสที่จะทำให้ธุรกิจเขาเติบโต โดยไม่ต้องลงทุนตั้งดาต้าเซ็นเตอร์เอง แต่มาใช้ดาต้าเซ็นเตอร์ของเราที่ได้มาตรฐานระดับโลก มีความปลอดภัยสูง”
ทั้งนี้ บริษัทพร้อมเปิดให้บริการเฟสแรกภายใต้โครงการ เอสทีที แบงค็อก 1 (STT Bangkok 1) ราวต้นปี 2564 บนขนาดพื้นที่รวม 30,000 ตารางเมตร พร้อมขีดความสามารถในการให้บริการ 20 เมกะวัตต์ โดยหลังจากที่แคมปัสแห่งนี้เสร็จสมบูรณ์ทั้งหมดแล้ว จะมีพื้นที่ให้บริการรวมทั้งสิ้น 60,000 ตารางเมตร รวม 2 อาคาร ด้วยขีดความสามารถในการให้บริการที่สูงขึ้นรวมเป็น 40 เมกะวัตต์ ทำให้สามารถรองรับการให้บริการเชื่อมต่อที่เป็นกลาง และมีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับผู้ใช้งานบนทุกแพลตฟอร์มของลูกค้า และองค์กรชั้นนำ
เอสทีที จีดีซีฯ นับเป็นดาต้าเซ็นเตอร์แห่งแรกในประเทศไทยที่ได้มาตรฐานด้านการออกแบบดาต้าเซ็นเตอร์จาก The Telecommunications Industry Association (TIA) ซึ่งเป็นองค์กรรับรองมาตรฐานดาต้าเซ็นเตอร์ระดับโลก
นายศุภรัฒศ์ กล่าวว่า จุดเด่นของเอสทีที จีดีซีฯ คือ อินฟราสตรัคเจอร์ที่รองรับมีความพร้อมด้วยการออกแบบเป็นดาต้าเซ็นเตอร์แบบไฮเปอร์สเกล มีกำลังการให้บริการที่สูงเพียงพอต่อเวิร์คโหลดของดาต้าที่มหาศาล
“ช่วงที่ภาคธุรกิจต่างๆ หยุดชะงักและได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 เห็นได้ชัดว่า ธุรกิจดิจิทัลมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่มีการเติบโตใช้งานดาต้าแบบ ทริปเปิลดิจิต คนชอปออนไลน์มากขึ้น คนดูหนังออนไลน์เพิ่ม ตัวเลขการใช้งานอินเทอร์เน็ตและปริมาณดาต้าที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคตจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและตอบสนองต่อเทคโนโลยีดิจิทัล”
เขากล่าวว่า ธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ของไทย ยังมีโอกาสเติบโตจากความได้เปรียบด้านทำเลที่ตั้งของประเทศ ที่เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียน และความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน ตลอดจนบุคลากรที่มีคุณภาพ ซึ่งจะช่วยดึงดูดการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติเข้ามาในประเทศได้เป็นจำนวนมาก คาดว่า ตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ของอาเซียนในปี 2567 จะมีมูลค่าสูงถึง 5.4 พันล้านดอลลาร์ ช่วยสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศไทยได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
“ในไทยยังไม่มีรายไหนที่ทำดาต้าเซ็นเตอร์ ในลักษณะแคมปัส คือ อยู่ภายในสถานที่เดียวกัน เราเป็นบริษัทแรก ซึ่งเป็นการยกระดับมาตรฐานดาต้าเซ็นเตอร์ของไทย การลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ ยังถือเป็นตัวช่วยหนุนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศได้ด้วย ขณะที่เชื่อว่า องค์กรยังพร้อมที่จะลงทุนเพราะโควิดบีบให้ธุรกิจต้องทรานฟอร์ม ต่อไป ดาต้าเซ็นเตอร์จะกลายเป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่จำเป็น และการมีดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ในไทย ยังสามารถดึงเงินลงทุนเข้ามาในไทยได้ด้วย” นายศุภรัฒน์ กล่าว
บริษัท เอสที เทเลมีเดีย โกลบอล ดาต้าเซ็นเตอร์ (ประเทศไทย) เป็นบริษัทร่วมทุนภายใต้ความร่วมมือระหว่าง บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ “FPT” ผู้นำการให้บริการสมาร์ทแพลตฟอร์มด้านอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร