“โควิด-19” พ่นพิษกระทบนักเตะไทย กมธ.กีฬา ย้ำ กกท. เดินหน้าช่วยเหลือด่วน
เมื่อวันที่ 29 ก.ค. ที่รัฐสภา ดร.บุญลือ ประเสริฐโสภา ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กีฬา สภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม กมธ.กีฬา ครั้งที่ 21 โดยการประชุมครั้งนี้เป็นการศึกษาปัญหาการถ่ายทอดฟุตบอลไทยลีก นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล โฆษก กมธ.กีฬา ได้เสนอปัญหานี้ระบุว่า จากปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) ส่งผลกระทบต่อการกีฬาฟุตบอลไทย กมธ.กีฬา จึงได้เชิญผู้เกี่ยวข้อง 3 ส่วน ประกอบด้วย บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) ซึ่งได้มอบให้ นายองอาจ ประภากมล หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านมีเดีย และ นายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ ผอ.ด้านรัฐกิจสัมพันธ์ ส่วนการกีฬาแห่งประเทศไทย ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ขณะที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ไม่ได้มาและไม่ได้มอบหมายผู้ใดเข้าร่วมประชุม แต่ได้ตอบเป็นเอกสารว่า การถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยลีก มิได้มีปัญหาใดๆ และในห้วงเวลานี้ ยังไม่สามารถจัดการแข่งขันได้ เนื่องจากกำลังรอข้อสรุปของคู่มือการปฏิบัติตามมาตรการผ่อนปรนกิจการและกิจกรรมด้านการกีฬาเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19
การประชุมครั้งนี้ใช้เวลานานกว่า 3 ชม.ซึ่ง กมธ.กีฬา แสดงความเป็นห่วงกีฬาฟุตบอลของประเทศไทย เพราะสถานการณ์โควิด-19 ทำให้สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยไม่สามารถจัดการแข่งฟุตบอลลีกไทยได้ ซึ่งเป็นการผิดสัญญากับ บริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีสัญญาในการจ่ายค่าลิขสิทธิ์ 1,200 ล้านบาท ให้กับทางสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ซึ่งจะนำไปจ่ายบำรุงนักกีฬาและบุคลากรในสโมสร และได้มีการเปรียบเทียบความพยามในการประคองกีฬาอื่นที่มีสัญญากับบริษัททรู แต่ก็ยังสามารถผ่านวิกฤตและจัดให้มีการถ่ายทอดสดผ่านไปได้
นายองอาจ ประภากมล หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านมีเดีย บริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ในปี 2563 ชัดเจนว่ายอดเงินที่ทางบริษัททรูต้องจ่ายในสัญญาปีสุดท้ายให้กับ สมาคมกีฬาฟุตบอลประเทศไทย จะอยู่ประมาณ 1,200 ล้านบาท แต่ติดปัญหาโควิด-19 ตลอดระยะ 6 เดือนที่ผ่านมา ทำให้ไม่มีการแข่งขันฟุตบอลเกิดขึ้น และจะสิ้นสุดสัญญาถ่ายทอดสดไทยลีกในวันที่ 15 ต.ค. 2563 เมื่อไม่มีการแข่งขันในด้านสัญญาทางบริษัททรูก็ไม่สามารถที่จะจ่ายเงินให้กับสมาคมฟุตบอลได้
“เงินที่ทางบริษัททรูต้องชำระนั่นหมายถึง การบำรุงดูแลนักกีฬาและสโมสรแต่ก็ต้องเข้าใจด้วยว่า ทางบริษัททรูเองก็ได้รับผลกระทบจากโควิด-19เช่นกัน อีกทั้งสัญญาครั้งนี้คืองวดสุดท้ายหมายถึงว่าเมื่อสิ้นสุดสัญญา บริษัทที่รับสัมปทานต่อไปก็ไม่ใช่บริษัททรูเมื่อรู้ล่วงหน้าก่อนที่จะมีโรคนี้ทางบริษัทก็ได้จัดฝังรายการใหม่รองรับเพื่อเป็นการเปิดพื้นที่ทางธุรกิจเช่นกัน หากทางสมาคมกีฬาฟุตบอลฯสามารถจัดการแข่งขันให้ได้ ทางบริษัททรู ก็พร้อมที่จะจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้อย่างเต็มที่ จึงขอให้เข้าใจ” นายองอาจ กล่าว
Advertisement
นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล รองประธานบริษัทไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด กล่าวว่า การเข้าชี้แจงครั้งนี้เป็นการให้ข้อมูลซึ่งไม่ได้รับมอบหมายโดยตรงจาก นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยหรือ ประธานบริษัทไทยพีเมียร์ลีก จำกัด ที่มี พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง เป็นนายกสมาคมและเป็นประธานบริษัทเนื่องจากติดภารกิจ และที่มาให้ข้อมูลก็พูดในฐานะที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการกีฬา สภาผู้แทนราษฎร เรื่องนี้เท่าที่ทราบปัญหาทุกอย่างเกิดจากโควิด-19 เพราะก่อนหน้านี้ สัญญาที่ได้ทำกับบริษัททรูทางบริษัทไทยพรีเมียร์ลีกก็ได้รับเงินมาโดยตลอด ซึ่งได้เซ็นสัญญาไว้ในช่วงปลายปี 2015 มีระยะเวลา 4 ปี มูลค่า 4,200 ล้านบาท แต่เมื่อเกิดโควิด-19 ไม่สามารถจัดการแข่งขันได้ อีกทั้งนักเตะส่วนใหญ่ตามสโมสรต่างๆ ก็เป็นชาวต่างชาติที่ได้เดินทางกลับบ้านหลังมีการแพร่ระบาดและจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่สามารถกลับมาได้จึงทำให้เตรียมทีมไม่ทัน อีกทั้งการเตรียมทีมเอาเข้าจริงก็ต้องใช้เวลาถึง 4 เดือน ในกรณีนี้ทราบว่า จะสามารถกลับเข้ามาเตะได้ภายในวันที่ 12 ก.ย.นี้ ซึ่งก็จะสิ้นสุดสัญญาและไม่รู้ว่าจะจบอย่างไร เพราะในศึกไทยลีกนี้พึ่งจัดไปได้ 4 นัดและเหลืออยู่ 26 นัด ซึ่งก็คงจะได้รับเงินสนับสนุนเท่าที่ทำได้
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัญหาผลกระทบโควิด-19 เบื้องต้นหลักเกณฑ์การช่วยเหลือนักกีฬาอาชีพใน 13 ชนิดกีฬาเหมือนกัน ซึ่งฟุตบอลเป็นหนึ่งในนั้น และที่ผ่านมาไม่มีโควิด-19 กกท. ได้สนับสนุนกีฬาฟุตบอลไป 16 ล้านบาท แต่เมื่อมีสปอนเซอร์ กกท. ก็ไม่ได้เข้าสนับสนุน ต่อมาเมื่อมีปัญหาโควิด-19 สมาคมฟุตบอลได้มีหนังสือขอสนับสนุนใน T1 และ T2 กกท. ได้ทำการสนับสนุนในเรื่องเงินรางวัล ไทยลีก 1 จำนวน 17 ล้านบาทและ ไทยลีก 2 จำนวน 9 ล้านบาทเศษและถ้ารวมถึงไทยลีก3 จะสนับสนุนประมาณ 44 ล้านบาท นอกจากนี้ในการสนับสนุนอื่นไม่ว่าจะเป็นเงินรางวัล และผู้ตัดสินใน 3 ระดับจะมีอัตราให้การสนับสนุนตามพระราชบัญญัติส่งเสริมกีฬาอาชีพ 2556 อยู่แล้ว
ขณะที่ ดร.บุญลือ ประเสริฐโสภา ประธานคณะกรรมาธิการกีฬา สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาเพราะชัดเจนว่าทางบริษัททรูนั้นได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เช่นกัน แต่ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดสดกีฬาฟุตบอลไทยลีกและเมื่อครบก็พร้อมที่จะชำระเงินที่เหลือให้เต็มที่ แต่ทางบริษัทพรีเมียร์ลีก ไม่สามารถจัดการแข่งขันให้ได้ กรณีนี้คงเป็นบทเรียนที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันแก้ไขเพื่อประคองฟุตบอลไทย จึงขอให้สมาคมฟุตบอลกลับไปทบทวนการวางแผน เพราะในอนาคตผู้สนับสนุนไทยลีกรายใหม่อาจจะยกเลิกการสนับสนุนได้อีก และเชื่อว่าสมาคมฟุตบอลและสโมสรแต่ละจังหวัดซึ่งเคยมีผู้สนับสนุนฟุตบอล ก็ยังมีข่าวการยกเลิกสปอนเซอร์เช่นกัน จึงฝากสมาคมฟุตบอลไปศึกษาแนวทางการเซ็นสัญญาลิขสิทธิ์อย่างไร เพื่อให้นักกีฬาฟุตบอลได้ประโยชน์สูงสุด ขณะนี้สมาคมฟุตบอลฯควรจะหาวิธีให้มีการจัดการแข่งขัน และควรที่จะถามสโมสรว่าพร้อมเตะหรือไม่เพื่อที่จะไม่ผิดสัญญากับทางบริษัททรู ซึ่งจะเป็นที่มาของปัญหาขาดงบช่วยเหลือ และขอให้ทาง กกท.หาวิธีช่วยเหลือสนับสนุนกีฬาฟุตบอลลีกให้สามารถเดินหน้าต่อไป