เผยแพร่:
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
ชัยภูมิ– อดีตแฟนหนุ่มโชว์ปืนตามคุกคามขู่ฆ่าสองสาวพี่น้องชัยภูมิ โผล่พบตร.แล้วรับทำไปเพราะถูกแฟนสาวบอกเลิกยังทำใจไม่ได้ ส่วนภาพปืนเป็นของปลอม-ภาพเก่าและข้อความโพสต์ขู่เอาชีวิตเป็นเพียงบทเพลงเพราะอารมณ์พาไปจากการอกหัก ด้าน ตร.เตรียมดำเนินคดีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมฯ
วันนี้ ( 30 ก.ค.)ความคืบหน้ากรณีสองสาวพี่น้อง น.ส.วรัญญา ใจเที่ยง อายุ 24 ปี พี่สาว พา น.ส.อารยา ใจเที่ยง อายุ 20 ปี ชาวตำบลห้วยต้อน อ.เมือง จ.ชัยภูมิ น้องสาว เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชัยภูมิ ว่า ถูกอดีตแฟนหนุ่ม นายถุงเงิน ( ขอสงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี ชาวตำบลตลาดแร้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ หรือ ใช้ชื่อบัญชีเฟชบุ๊กว่า Thungngoen Araya ที่คบหากันมาประมาณ 5 ปี ก่อนเลิกลากันไปได้ประมาณ 1 เดือน ได้ตามคุกคามข่มขู่เอาชีวิตอย่างต่อเนื่องในช่วง ในช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา ทั้งการส่งภาพอาวุธปืนมาข่มขู่ และนำอาวุธปืนบุกมาหาที่ร้านของสองสาวพี่น้อง ซึ่งเป็นร้านตัดผมชาย ตั้งอยู่บนถนนสายบ้านโนนสาทร-บ้านหนองโสมง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ตามที่เสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อคืนนี้ นายถุงเงิน ( ขอสงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี อดีตแฟนหนุ่มคนดังกล่าวได้เดินทางมาพบกับ พ.ต.ท.ประสิทธิ์ อุตรส สว.สืบสวน สภ.เมืองชัยภูมิ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจและอยากให้ยุติเรื่องที่เกิดขึ้น จากการสอบสวนเบื้องต้นอดีตแฟนหนุ่มรายนี้ให้การว่า ภาพอาวุธปืนที่โพสต์ในเฟชบุ๊กทั้งหมดเป็นของปลอม ส่วนรูปแรกเป็นอาวุธปืนจริงแต่เป็นภาพเก่าสมัยที่เป็นทหารเกณฑ์เมื่ออายุช่วงประมาณ 20 ปี ส่วนรูปที่ 2 และ 3 เป็นรูปปืนปลอม ที่ซื้อมาเก็บไว้เล่นเท่านั้น ส่วนที่โพสต์ข้อความระบุว่า “มีแต่ความตายเท่านั้นที่จะพรากเราไปจากกันได้” นั้นเป็นเพียงบทเพลง ซึ่งช่วงนี้ยังยอมรับทำใจไม่ได้ที่ถูกสาวรายนี้บอกเลิก ทั้งที่คบกันมานานกว่า 5 ปี และเป็นอารมณ์พาไปจากการอกหัก ซึ่งไม่มีเจตนาไม่ได้ระบุว่าจะฆ่าใครจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอตรวจปัสสาวะในร่างกายแต่ไม่พบสารเสพติด
ทั้งนี้ กรณีที่เกิดขึ้นทางฝ่ายอดีตแฟนสาว ยังยืนยันที่จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดที่มีการคุกคามข่มขู่ถึงเอาชีวิต ทั้งนำรูปภาพอาวุธปืนร้ายแรงและข้อความโพสต์ข่มขู่เอาชีวิตกันขนาดนี้ ถึงแม้ปฏิเสธว่าไม่มีเจตนา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเข้าข่ายการข่มขู่คุกคามเอาชีวิตอย่างชัดเจน จนทำให้ผู้คนที่พบเห็นแตกตื่นหวาดกลัวกันไปทั่ว
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ระบุว่า กรณีนี้ไม่ใช่เอาแต่อ้างว่าอารมณ์พาไปเท่านั้นแต่ต้องรับผิดชอบต่อสังคมด้วย และเป็นพฤติกรรมนำภาพข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ทำให้ผู้คนหวาดกลัวสร้างความแตกตื่นต่อสังคมโดยรวม เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งบ้างครั้งคนโพสต์อาจจะคิดว่าเป็นแค่ปืนปลอมหรือวัตถุระเบิดปลอม แต่ทำให้คนพบเห็นแตกตื่น การจะอ้างว่าตัวแองอกหักแล้วอารมณ์พาไป นั้น สังคมคงรับไม่ได้ ซึ่งไม่ควรนำภาพข้อมูลที่แสดงออกถึงการข่มขู่คุกคามและการใช้รุนแรงมาโพสต์จนส่อไปในทางให้เกิดความเข้าใจผิดได้
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด ส่งให้ ร.ต.อ.อัศวิน พรหมนอก รอง สว.(สอบสวน)สภ.เมืองชัยภูมิ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองชัยภูมิ ดำเนินคดีกับอดีตแฟนหนุ่มรายนี้ตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป