สยามรัฐออนไลน์
31 กรกฎาคม 2563 05:43 น.
ภูมิภาค
สุดโหด! จ่อยิงกว่า 50 นัด กลางเมืองพัทลุงแบบไม่เกรงกลัวกฎหมาย คมกระสุนเจาะร่างเละ 3 ศพ พบประวัติคนตายเคยถูกจับกุมในข้อหายาเสพติดข้อหาเกี่ยวกับทรัพย์หลายคดี “ตำรวจ”ตั้งปมสังหารขัดแย้งธุรกิจผิดกฎหมาย คาดว่าจะสามารถออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องหาได้ภายใน 2 วันนี้
จากกรณี เมื่อวันที่ 29 ก.ค.63 เวลาประมาณ 03.10 น. ร.ต.อ.ประเสริฐ ด้วงเอียด ร้อยเวร สภ.เมืองพัทลุง รับแจ้งมีเหตุยิงกัน มีคนเสียชีวิต บริเวณหน้าธนาคาร ธ.ก.ส. สาขาท่ามิหรำ ต.คูหาสวรรค์ อ.เมือง จ.พัทลุง หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่กู้ภัย เมื่อถึงที่เกิดเหตุพบศพชาย อายุประมาณ 30 ปี มีรอยสักตามลำตัว สวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ และยังสวมหมวกแก๊ป สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม. เข้าที่บริเวณลำตัว 7 นัด ช่วงต้นขาข้างขวา 3 นัด และบริเวณใบหน้า 2 นัด แขนด้านซ้าย 1 นัด แขนด้านขวา อีก 2 นัด และบริเวณไหล่ด้านขวามีร่องรอยยิงซ้ำอีก 2 นัด ภายในตัวไม่พบหลักฐานแสดงตนว่าเป็นใคร และที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ยังพบรองเท้าแตะอีก 1 คู่ โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง ตกอยู่บนถนนในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืนกระจัดกระจายอยู่ กว่า 50 นัด
ต่อมา เวลา 07.30 น. วันเดียวกัน พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี ผบก.ภ.จว.พัทลุง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทลุง พร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบริมถนนสายเอเชีย บริเวณหัวสะพานคลองลำเบ็ด ท้องที่หมู่ที่ 12 ต.ท่าแค อ.เมือง จ.พัทลุง หลังรับแจ้งพบศพอยู่ภายในรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า อัลติส สีดำ ทะเบียน 3 กล 6280 กรุงเทพมหานคร ตรงเบาะด้านหลังพบศพผู้เสียชีวิตเป็นชาย 2 คน สภาพศพมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืน บริเวณตัวรถมีร่องรอยกระสุนปืนกว่า 10 นัด 1 ใน 2 ผู้เสียชีวิตสะพายกระเป๋าสีแดง ภายในกระเป๋า เจ้าหน้าที่พบยาบ้าและยาไอซ์จำนวนหนึ่ง พร้อมกระสุนปืนลูกซอง 1 นัด และที่พื้นรถด้านหลังตรงที่ผู้เสียชีวิตอยู่ เจ้าหน้าที่พบอาวุธปืนลูกซองพกสั้นจำนวน 1 กระบอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ด้าน พล.ต.ต.กฤษฎา กล่าวว่า สองศพที่เจอภายในรถเก๋ง เป็นเหตุเดียวกับกรณีกลุ่มคนร้ายยิงถล่มที่หน้าธนาคาร ธ.ก.ส. สาขาท่ามิหรำ เมื่อช่วงประมาณตี 3 ทราบชื่อ นายรัตนพงษ์ จันทร์ปน อายุ 38 ปี ผู้เสียชีวิตหน้า ธ.ก.ส. สาขาท่ามิหรำ ส่วน นายอรรถกร นุ่นปาน อายุ 25 ปี และนายภสกร ดำสนิท อายุ 21 ปี เป็นศพที่พบเช้านี้ ในเบื้องต้นตั้งประเด็นการสอบสวนเรื่องเกี่ยวกับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ปมทะเลาะวิวาทกันในร้านข้าวต้มใกล้ที่เกิดเหตุ และปมขัดแย้งธุรกิจผิดกฎหมาย ทั้งนี้จากการสอบปากคำประจักษ์พยาน ทั้งพยานวัตถุในที่เกิดเหตุ และกล้องวงจรปิด ซึ่งโดยเฉพาะกล้องวงจรปิดเห็นภาพผู้ก่อเหตุอย่างชัดเจน เหลือเพียงเรียกสอบประจักษ์พยานที่นั่งอยู่ในร้านข้าวต้มโต้รุ่งใกล้จุดเกิดเหตุ ตรงที่รถกระบะคนร้ายจอด มาสอบปากคำ คาดว่าจะสามารถออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องหาได้ภายใน 2 วันนี้
จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่า ก่อนเกิดเหตุมีรถเก๋งขับมาจอด ก่อนจะมีรถกระบะขับมาจอดด้านหลัง หลังจากนั้นชายคนขับรถเก๋งลงมาจากรถพร้อมกับชายคนขับรถกระบะ เมื่อทั้งคู่เดินมาเจอกัน ชายคนขับรถกระบะได้เปิดฉากยิงใส่ชายคนขับรถเก๋ง และยังมีชายอีก 3 คน เดินมาทางริมฟุตปาธยิงเข้าใส่ด้วย ในขณะนั้นมีชายที่นั่งคู่กับคนขับรถเก๋งได้เปิดประตูวิ่งหนีออกจากรถไป ก่อนที่ชายคนขับรถกระบะจะกลับมาขึ้นรถและขับออกไป หลังจากนั้นในกล้องวงจรปิดยังจับภาพชายอีก 2 คน ถือปืนยาวเข้ามากระหน่ำยิงใส่รถเก๋งก่อนทั้งสองจะขึ้นรถเก๋ง และขับออกจากที่เกิดเหตุ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาพบรถเก๋งจอดอยู่ที่หัวสะพานคลองลำเบ็ด ภายในรถมีผู้เสียชีวิตดังกล่าว
ที่กองบังคับการตำรวจภูธร จ.พัทลุง พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภ.9 กล่าวภายหลังประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จ.พัทลุง เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีคนร้ายยิงถล่มคู่อริเสียชีวิต 3 ราย ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุได้มากพอสมควร ทั้งปลอกกระสุน ภาพจากกล้องวงจรปิดพบเส้นทางการก่อเหตุ ก่อนเกิดเหตุมีการนัดมาเจรจากัน ตอนนี้ทางตำรวจทราบแล้วว่าผู้เสียชีวิตเป็นใคร จากการตรวจสอบประวัติของผู้เสียชีวิต พบว่า 2 ใน 3 มีประวัติเคยถูกจับกุมในข้อหายาเสพติด โดยเฉพาะนายรัตนพงษ์ยังพบประวัติเคยถูกจับในข้อหาเกี่ยวกับทรัพย์หลายคดี และตรวจสอบพบว่าผู้ครอบครองรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า อัลติส สีดำ ทะเบียน 3 กล 6280 กรุงเทพมหานคร ชื่อ นายมนัส เกตุแก้ว อยู่ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร นอกจากนั้นยังมีชายวิ่งหนีไปได้ 1 คน คือ นายชลทิตย์ แซ่หลี อายุ 30 ปี ส่วนฝั่งก่อเหตุตอนนี้กำลังสืบทราบ คงจะรู้ตัวในเร็วนี้ เพราะมีการพูดคุยกันทางโทรศัพท์ ตำรวจกำลังเร่งไล่กล้องวงจรปิดที่มีในเส้นทางทุกกล้อง เพื่อพิสูจน์ทราบว่ารถที่ใช้ก่อเหตุเป็นรถของใคร ส่วนปมการก่อเหตุ น่าจะมาจากเรื่องทะเลาะกันก่อน และนัดมาเคลียร์ปัญหาแต่เคลียร์ไม่ได้ จนเกิดเหตุยิงถล่มกันดังกล่าว