เผยแพร่:
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เชียงราย – ญาติตั้งบำเพ็ญกุศลศพ “จารุชาติ มาดทอง” พยานปากเอกคดีบอส-ทายาทกระทิงแดง เรดบูล อย่างเรียบง่ายตามฐานะ ยันไม่เคยรู้เรื่องเป็นพยานคดีดัง แม่ยังสงสัยปี 55 ลูกไปทำงานต่างประเทศ
วันนี้ (31 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศพิธีบำเพ็ญกุศลศพ นายจารุชาติ มาดทอง อายุ 40 ปี พยานปากเอกในคดี นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส-ทายาทกระทิงแดง เรดบูล ขับรถชนตำรวจเสียชีวิต ที่ภูมิลำเนาบ้านเลขที่ 255/15 หมู่บ้านวังชมภู หมู่ 15 ต.ม่วงคำ อ.พาน จ.เชียงราย เป็นไปด้วยความเรียบง่ายตามฐานะ
ทั้งนี้ พบว่าญาติไม่สามารถจัดหารูปภาพหน้าตรงของนายจารุชาติมาประกอบพิธีได้ เพราะไม่เคยมีเก็บไว้ที่บ้านเลย เพราะนายจารุชาติมักเดินทางไปทำงานนอกบ้าน-นอกพื้นที่ตลอด แม้แต่บัตรประจำตัวประชาชนก็ไม่มีเก็บที่บ้าน ขณะที่นายสมาน วังมูล อายุ 65 ปี พ่อเลี้ยง ได้นำสำเนาบัตรประชาชนไปขยาย แต่ปรากฏว่าภาพมืดจนมองแทบไม่เห็นรูปลักษณ์จึงยังไม่มีการนำภาพผู้ตายมาตั้งหน้าโลงศพ ขณะที่ทรัพย์สินที่ญาตินำกลับมาจาก จ.เชียงใหม่ก็มีเพียงไม่กี่ชิ้น คือ กระเป๋าเสื้อผ้า ถุงพลาสติก หม้อหุงข้าว พัดลม ฯลฯ เท่านั้น
ขณะที่ล่าสุด นายสมาน วังมูล อายุ 65 ปี พ่อเลี้ยง และนางตา วังมูล อายุ 76 ปี มารดานายจารุชาติ พร้อมญาติๆ ได้จัดเตรียมเครื่องเซ่นไหว้ ทั้งข้าวต้มมัด เทียน พริก บุหรี่ เกลือ ห่อหมากพลู ฯลฯ อย่างละ 100 ห่อ และตุงสีแดง พร้อมนิมนต์พระสงฆ์เพื่อเดินทางไปประกอบพิธีสวดถอน ณ จุดเกิดอุบัติเหตุจนทำให้นายจารุชาติเสียชีวิตที่ จ.เชียงใหม่ ในวันพรุ่งนี้ (1 ส.ค.) เพราะตามความเชื่อแล้วต้องทำให้แล้วเสร็จก่อนการฌาปนกิจศพในวันอาทิตย์ที่ 2 ก.ค.
รายงานข่าวแจ้งว่า คืนที่ผ่านมา (30 ก.ค.) พ.ต.อ.ธาตรี กุลวัฒน์ ผกก.สภ.พาน จ.เชียงราย พร้อมเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปร่วมพิธีศพและสอบถามข้อมูลเบื้องต้นจากนายสมาน-นางตา ซึ่งทั้งคู่ไม่ทราบเรื่องราวเกี่ยวกับการมีชื่อเป็นพยานในคดีนายวรยุทธแต่อย่างใด
นางตากล่าวว่า ตนยังคงยืนยันว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาไม่เคยทราบเลยว่าลูกชายไปเป็นพยานในคดีใดๆ เพราะเขาไม่เคยเล่าให้ฟัง ทราบแค่ว่าเขาไปทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ นานแล้ว ออกจากบ้านไปตั้งแต่ยังหนุ่มๆ และอาจจะไปทำงานที่ต่างประเทศเมื่อประมาณ 5-6 ปีก่อน ซึ่งตนก็จำเดือนจำปีไม่ได้ชัดเจน
กระทั่งมาทราบว่าลูกชายเสียชีวิตที่เชียงใหม่ ซึ่งก็ยังไม่เข้าใจ เพราะเดิมคิดว่าเขาทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ แต่กลับมาเสียชีวิตที่เชียงใหม่แล้ว ขณะที่เหตุการณ์เมื่อปี 2555 นั้นตนจำไม่ได้จริงๆ ว่าตอนนั้นเขาอยู่ที่ไหน ยังสงสัยว่าอาจจะอยู่ต่างประเทศ แต่ไม่ชัดเจนเพราะเหตุการณ์ผ่านมานานหลายปีแล้ว
ด้านลูกสาวของนายจารุชาติกล่าวว่า ปกติพ่อจะโทรศัพท์มาหาตนสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ซึ่งก็มักจะสอนให้ดูแลหลานและปู่ย่าให้ดีเท่านั้น ไม่ได้พูดคุยเรื่องการทำงานหรือการไปเป็นพยานใดๆ ส่วนการเดินทางไปทำงานตามที่ต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศนั้นตนจำไม่ได้ เพราะเมื่อปี 2555 ตนก็ยังเด็กอยู่