คืนนี้ 2 ทุ่มครึ่ง ตามเวลาไทย ร่วมส่งใจเชียร์ “เอฟวัน” เทพไชยา อุ่นหนู ที่จะดวลคิวกับ รอนนี โอซัลลิแวน ในศึกสนุกเกอร์ชิงแชมป์โลก 2020 รอบเมนดรอว์ รอบแรก (32 คนสุดท้าย) ที่ครูซิเบิล เธียเตอร์ สังเวียนอันศักดิ์สิทธิ์ในเมืองเชฟฟิลด์ ประเทศอังกฤษ
หลังทราบผลการจับสลากประกบคู่ แฟนกีฬาชาวไทยอาจหวั่นใจว่า “เอฟ” ที่ฝ่าด่านเข้ารอบเมนดรอว์ได้เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน อาจต้องจอดป้ายตั้งแต่รอบแรกเหมือน 2 ครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากชื่อชั้นของ “เดอะ ร็อคเก็ต” นั้นเหนือกว่ามาก ด้วยดีกรีอดีตแชมป์โลก 5 สมัย, แชมป์แรงกิงโลก 36 รายการ มากที่สุดเทียบเท่า “มัจจุราชผมทอง” สตีเฟน เฮนดรี
ผิดกับนักสอยคิวชาวไทยที่ได้แชมป์แรงกิงโลกเพียงรายการเดียว ในศึกสนุกเกอร์ ชูตเอาต์ ที่เมืองวัตฟอร์ด ประเทศอังกฤษ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปีที่แล้ว ไม่เพียงเท่านั้น รอนนี ยังเป็นเพียงคนเดียวในโลกที่สามารถทำ “เซนจูรีเบรก” (ทำ 100 คะแนนขึ้นไปในการแทงไม้เดียวโดยไม่มีพลาด) ได้เกิน 1,000 ครั้ง โดยปัจจุบันสถิติอยู่ที่ 1,049 ครั้ง แตกต่างจาก “เอฟ” ที่ทำได้ 112 ครั้ง
อย่างไรก็ตาม ในการพบกันของทั้งคู่ก่อนหน้านี้ ซึ่งมีเพียงครั้งเดียวเมื่อปี 2014 ในศึกเยอรมัน มาสเตอร์ส รอบควอลิฟาย “เอฟ นครนายก” กลับเป็นฝ่ายเอาชนะ “เดอะ ร็อคเก็ต” ที่เป็นไอดอลในการเล่นสนุกเกอร์ของเขาไปได้ 5-4 เฟรม พร้อมกับผ่านเข้าสู่รอบเมนดรอว์ได้อย่างพลิกความคาดหมาย
หลังจากผ่านมา 6 ปี ทั้งคู่ก็โคจรมาพบกันอีกครั้งในรายการที่ใหญ่กว่าเดิม แต่หนนี้เพิ่มเติมตรงที่ เทพไชยา อุ่นหนู มือ 20 ของโลก ไม่ได้มาลุยศึกชิงแชมป์โลกเพียงคนเดียว เพราะยังมีเพื่อนร่วมชาติอย่าง “หมู ปากน้ำ” นพพล แสงคำ มือ 42 ของโลกที่เข้ารอบเมนดรอว์มาอีกคน ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปี ที่มีนักสอยคิวชาวไทย 2 คนได้มาวาดลวดลายพร้อมกันในรอบสุดท้ายที่ครูซิเบิล เธียเตอร์ ต่อจาก “ต๋อง ศิษย์ฉ่อย” รัชพล (วัฒนา) ภู่โอบอ้อม และ “ต่าย พิจิตร” ชูชาติ ไตรรัตนประดิษฐ์

แม้ล่าสุด รอนนี จะยังเป็นมือ 6 ของโลก เหนือกว่า “เอฟ” ถึง 14 อันดับ แต่ใช่ว่าจอมสอยคิวจากแดนสยามจะไม่มีโอกาสย้ำแค้นยอดนักสนุกเกอร์เจ้าถิ่นเลย เพราะ “เดอะ ร็อคเก็ต” ได้แชมป์โลกครั้งสุดท้ายต้องย้อนกลับไปถึงปี 2013 และหลังจากที่เข้ารอบชิงชนะเลิศในปีต่อมา ซึ่งแพ้ มาร์ค เซลบี ได้แค่รองแชมป์ รอนนี ก็ยังไม่เคยเข้าชิงอีกเลย โดยไปไกลที่สุดแค่รอบ 8 คนสุดท้าย 2 ครั้ง, ตกรอบสอง 2 ครั้ง และปีที่แล้วก็ตกรอบแรกแบบเหลือเชื่อด้วยการแพ้ เจมส์ เคฮิลล์
อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ เทพไชยา มีโอกาสมากขึ้นในการผ่านเข้ารอบ 16 คนได้เป็นครั้งแรก นั่นคือ การที่ นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เพิ่งออกมาประกาศอย่างเร่งด่วนว่า จะงดให้แฟนกีฬาเข้าไปชมการแข่งขันสนุกเกอร์ชิงแชมป์โลก ซึ่งเป็นหนึ่งในรายการนำร่องของรัฐบาลที่จะประเมินแนวโน้มการรับมือสถานการณ์โควิด-19 ก่อนอนุญาตให้กีฬาอาชีพชนิดอื่นๆ ที่มีผู้ชมมากกว่า เช่น ฟุตบอล, ฟอร์มูลาวัน สามารถให้แฟนๆ กลับมาเชียร์ในสนามได้อีกครั้งตั้งแต่เดือนตุลาคม
ทั้งนี้ อังกฤษ เพิ่งมีรายงานเรื่องการระบาดของโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้นทางตอนเหนือของประเทศ จึงมีคำสั่งระงับแผนการให้เข้าไปชมการแข่งขันชิงแชมป์โลกที่ครูซิเบิล เธียเตอร์ จนถึงวันที่ 15 สิงหาคมเป็นอย่างน้อย ทำให้มีเพียงวันศุกร์ที่ผ่านมาซึ่งเป็นวันแรกของการแข่งขันเท่านั้นที่มีแฟนสนุกเกอร์เข้าไปชม แม้ว่าจะมีมาตรการป้องกันต่างๆ เช่น สวมหน้ากากอนามัย, มีเจลล้างมือให้ และจัดที่นั่งแบบเว้นระยะก็ตาม
ซึ่งการไม่มีผู้ชมนี้เองที่จะทำให้ “เอฟวัน” ระเบิดฟอร์มเก่งได้อย่างเต็มที่ โดย สตีฟ เดวิส ตำนานนักสอยคิวเมืองผู้ดี อดีตแชมป์โลก 6 สมัย ให้ความเห็นหลังการประกาศอย่างกะทันหันจากรัฐบาลว่า จะเป็นผลดีกับคนที่ไม่อยู่ในกลุ่ม 16 อันดับแรกของโลก เพราะแรงกดดันจากบรรยากาศในรายการใหญ่ระดับโลกแบบนี้จะลดลงไปมาก ซึ่งนักสอยคิวกลุ่มนี้ก็มาแข่งแบบไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว

ผิดกับบรรดาตัวท็อปที่จะขาดแรงจูงใจในการเล่น เพราะเหล่านักสนุกเกอร์ระดับโลกส่วนใหญ่ต่างก็อยากให้แฟนๆ กลับมาเชียร์พวกเขาติดขอบสนาม ซึ่ง จัดด์ ทรัมป์ มือ 1 ของโลกคนปัจจุบัน และแชมป์โลกปีที่แล้ว ถึงกับบ่นเสียดายหลังเริ่มต้นภารกิจป้องกันแชมป์ด้วยการสอย ทอม ฟอร์ด เพื่อนร่วมชาติแบบหืดขึ้นคอ 10-8 เฟรม เพราะถ้าผู้ชมเข้าสนามได้ เขาก็จะมีครอบครัวและเพื่อนๆ มาให้กำลังใจระหว่างการแข่งขัน ซึ่งถือเป็นแรงกระตุ้นที่สำคัญของเขาในรายการที่ผ่านๆ มา
แม้ในรายของ รอนนี อาจจะไม่ส่งผลกระทบมากนัก เพราะเขาเป็นหนึ่งในนักสอยคิวที่คัดค้านเรื่องการอนุญาตให้แฟนสนุกเกอร์เข้ามาเชียร์ในครูซิเบิล เธียเตอร์ พร้อมตอบโต้อย่างดุเดือดว่าผู้ที่เสนอแนวคิดนี้ขึ้นมา เห็นพวกเขาเป็นแค่ “หนูทดลอง” ที่พร้อมสังเวยชีวิต เพื่อมอบความบันเทิงให้กับคนอื่น ในขณะที่โรคโควิด-19 ยังไม่สามารถควบคุมได้แบบสนิทใจ ซึ่งเขาเองก็มีเพื่อนที่เสียชีวิตด้วยโรคอุบัติใหม่นี้ด้วย
แต่ด้วยความอินดี้ของ “เดอะ ร็อคเก็ต” ที่ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ว่าวันไหนจะแทงคมกริบ หรือคิวบอดไปดื้อๆ ก็ทำให้ “เอฟวัน” ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้เล่นที่มีเกมเร็วลำดับต้นๆ ของทัวร์ไม่แพ้ รอนนี มีโอกาสย้ำชัยเหนือไอดอลได้อีกครั้งเช่นกัน
และเมื่อไม่นานมานี้ รอนนี ก็เพิ่งยอมรับว่าในช่วงที่ไม่มีการแข่งขันจากการล็อกดาวน์หนีโควิด-19 เขาแทบไม่ได้ซ้อมแทงแบบเป็นเรื่องเป็นราวเลย แต่กลับเน้นแค่การวางสะพานมือเท่านั้น โดยให้เหตุผลว่าการเล่นของเขาเน้นเรื่องเทคนิคเป็นหลัก ไม่จำเป็นต้องซ้อมหนักให้เปลืองแรง
นอกจากนี้ “เดอะ ร็อคเก็ต” วัย 44 ปี ยังยอมรับในฝีมือของ “เอฟ” วัย 35 ปี โดยบอกว่าเป็นหนึ่งในคนที่เขาสามารถแพ้ได้โดยที่ไม่รู้สึกเสียใจ เนื่องจากเป็นคนนิสัยดี มีความอ่อนน้อมถ่อมตน และได้รับความเคารพจากทุกคนที่ต่างก็อยากเห็นนักสอยคิวชาวไทยรายนี้เฉิดฉาย รวมถึงได้แชมป์หลายๆ รายการ

ซึ่งก่อนการแข่งขัน “เฮียฮง” สุนทร จารุมนต์ นายกสมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทย ก็ออกมาประกาศอัดฉีดว่า หาก “เอฟ” ชนะ รอนนี ได้ ก็จะควักเงินส่วนตัว 1 แสนบาทให้เป็นรางวัล และหากคว้าแชมป์โลกได้ก็จะให้ไปเลย 1 ล้านบาท เช่นเดียวกับ “หมู ปากน้ำ” นพพล แสงคำ ที่จะเริ่มรอบแรกด้วยการพบ ฌอน เมอร์ฟี มือ 10 ของโลกในวันพรุ่งนี้ (3 สิงหาคม 2563) เวลา 2 ทุ่มครึ่ง ซึ่งก็จะมีอัดฉีดให้ในเงื่อนไขเดียวกัน
ไม่บ่อยนักที่จะมีนักสนุกเกอร์ไทยได้มาแสดงศักยภาพในศึกชิงแชมป์โลกพร้อมกันถึง 2 คนแบบนี้ แม้ด่านแรกของทั้งคู่อาจจะดูว่าหนักหนา แต่ถ้าการแข่งขันยังไม่เริ่ม ก็อย่าเพิ่งสรุปว่าทั้งคู่จะไม่มีโอกาสสร้างเซอร์ไพรส์
– ชัชวาล กมลไมตรีจิตต์ –