เผยแพร่:
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
ศูนย์ข่าวนครราชสีมา-ภาคปชช.โคราชลุกฮือ! เรียกร้องปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมไทยและจี้เอาคนผิดเป่าคดีทายาทกระทิงแดงมาลงโทษเพื่อเรียกศรัทธากลับคืนมา เผยเผชิญหน้า “อรรถพล” ประธาน ก.อ. มากราบย่าโม แจงเองทันที ย้ำคำสั่งอัยการไม่ฟ้องคดี “บอส กระทิง”ไม่ชอบด้วยกม.
วันนี้ ( 5 ส.ค. ) ที่ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) ถนนราชการดำเนิน อ.เมือง จ.นครราชสีมา ประชาชนชาวจ.นครราชสีมา “กลุ่มโคราชเพื่อโคราช” นำโดย นายจักริน เฉิดฉาย อดีตประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมาและประธานกลุ่มโคราชเพื่อโคราช พร้อมสมาชิกประมาณ 30 คนได้เดินทางมาชูป้ายเรียกร้องให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา จริงใจต่อการเอาคนผิดมาลงโทษกรณี คดีทายาทกระทิงแดง และ เร่งการปฏิรูปกระบวนการยุติไทยทั้งระบบ
นายจักริน เชิดฉาย อ่านแถลงการณ์ ระบุว่า กลุ่มโคราชเพื่อโคราช กลุ่มคนโคราชจำนวนหนึ่ง รวมตัวกันขึ้น เพื่ออาสาจะเข้ามาร่วมพัฒนาเมืองโคราช และมีจุดยืนสนับสนุนการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ด้วยสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน จากการบริหารงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปรากฏว่า ประชาชนทุกสาขาอาชีพ โดยเฉพาะคนโคราช เริ่มมีความตื่นรู้ และเกิดวิกฤติศรัทธาของกระบวนการยุติธรรม ที่เกิดขึ้นจาก ตำรวจ อัยการ ศาล ซึ่งจะต้องเป็นที่พึ่ง ด้านความถูกต้องชอบธรรมของประชาชน โดยไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะ แต่ความเป็นจริงที่เป็นอยู่ หาได้เป็นเช่นนั้น บรรยากาศทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมไทย ไม่โปร่งใส กระบวนการยุติธรรมไม่ได้เป็นที่พึ่งของประชาชน แต่กลับเอื้อประโยชน์ให้กับคนรวยกว่า
กลุ่มโคราชเพื่อโคราชจึงเรียกร้อง ขอความยุติธรรมคืนสู่สังคมไทย ว่าจะเดินหน้าต่อไปได้อย่างไร โดยมีข้อเรียกร้อง ดังต่อไปนี้
1. ขอให้มีการปฏิรูปประเทศอย่างจริงจัง โดยเฉพาะปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ตำรวจ อัยการ ศาล ที่สำคัญการเอาคนผิดมาลงโทษในคดีของ นายบอส อยู่วิทยา เพื่อเรียกศรัทธาของประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรมกลับคืนมา
2. ปฏิรูปองค์กรอิสระ เช่น กกต. ที่ไม่มีผลงานจับการซื้อเสียง และ ป.ป.ช. ที่ไม่สามารถดำเนินคดีทุจริตคอร์รัปชันจนถึงที่สุด องค์กรอิสระต้องไม่อยู่ภายใต้อิทธิพลของผู้หนึ่งผู้ใด
3. ขอให้ส่งเสริมการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นโดยเร็ว เพื่อเป็นการส่งเสริมและพัฒนาประชาชน ให้เข้าใจในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง และต้องสร้างความมั่นใจให้ประชาชนว่า การเลือกตั้งทุกครั้งต้องบริสุทธิ์ยุติธรรม
4. ขอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง เพื่อความเป็นธรรมของสังคม และให้มีการเลือกตั้งใหม่โดยเร็วที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะกลุ่มคนโคราชเพื่อโคราชกำลังอ่านแถลงการณ์อยู่นั้นได้มีคณะอัยการนำโดย นายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) ได้เดินทางมากราบสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) พอดี จึงได้เผชิญหน้ากันโดยบังเอิญ นายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) ได้กล่าวชี้แจงต่อภาคประชาชนว่า ตนได้ทำบันทึกข้อความถึง นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด (อสส.) เรื่อง การแถลงข่าวผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะทำงานอัยการตรวจสอบการพิจารณาสั่งคดี นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ผู้ต้องหาคดีขับรถยนต์ชนเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิตเมื่อปี 2555 แล้ว ซึ่ง นายอรรถพล ได้อ่านรายละเอียดบันทึกข้อความดังกล่าวให้กลุ่มประชาชนที่มารวมกันครั้งนี้ได้ฟัง
โดยสรุปเนื้อสำคัญได้ว่า ตามที่คณะทำงานฯ แถลงข่าวเกี่ยวกับผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงการพิจารณาสั่งคดี นายวรยุทธ อยู่วิทยาเมื่อวันที่ 4 ส.ค.2563 นั้น ตนเห็นว่า ยังมีประเด็นอันควรพิจารณาเกี่ยวกับข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาและระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุด ว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ.2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ในการสั่งสำนวนของพนักงานอัยการกรณีมีคำสั่งไม่ฟ้องและผลของการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง เพิ่มเติมอีก ดังนี้
กรณีพนักงานอัยการมีคำสั่งที่ไม่ฟ้อง เมื่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไม่แย้งคำสั่งไม่ฟ้องจึงเป็นคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง แต่คำสั่งในขั้นตอนต่าง ๆดังกล่าวต้องเป็นคำสั่งโดยถูกต้องตามอำนาจหน้าที่ของผู้ดำรงตำแหน่งต่าง ๆ ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายและระเบียบฯ ที่เกี่ยวข้องด้วยจึงจะสมบูรณ์ตามกฎหมาย
โดยในกรณีที่ เดิมพนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้องไว้แล้ว แต่มีการกลับคำสั่งเป็นคำสั่งไม่ฟ้อง และ กรณีคดีมีการร้องขอความเป็นธรรม นั้น กรณีตามคดีนี้ได้ความว่า ในการร้องขอความเป็นธรรมหลายครั้งของ นายวรยุทธ อยู่วิทยา ผู้ต้องหา การร้องขอความเป็นธรรมในชั้นหลังที่มีประเด็นพิจารณาถึงคำให้การ รศ.ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม และรายงานพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการกฎหมายฯ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ด้วย อัยการสูงสุด (ร.ต.ต.พงษ์นิวัติ ยุทธภัณฑ์บริภาร) ได้สั่งให้ยุติการพิจารณาคำร้องขอความเป็นธรรมของผู้ต้องหาที่ 1 แล้ว ดังนั้นต้องถือว่าคำสั่งฟ้องที่สั่งไว้มีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย
หากพนักงานอัยการผู้ใดมีการหยิบยกการร้องขอความเป็นธรรมขึ้นพิจารณาอีก และมีคำสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติม โดยมิได้ขอความเห็นชอบจากอัยการสูงสุดก่อนไม่น่าจะกระทำได้ และจะมีผลการดำเนินการในขั้นตอนต่อๆ มาทั้งหลายไม่ชอบด้วยกฎหมายและระเบียบฯ ทำให้คำสั่งต่างๆ ที่มีตามมา รวมทั้งคำสั่งไม่ฟ้องไม่อาจมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายได้ และ คำสั่งฟ้องเดิมของอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ ต้องถือว่ายังมิได้ถูกกลับ และมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายอยู่
ดังนั้นพนักงานอัยการผู้มีอำนาจพิจารณาดำเนินการสั่งคดีดังกล่าวได้อีกก็แต่เฉพาะอัยการสูงสุดเท่านั้น รองอัยการสูงสุดที่ได้รับมอบหมายหรือปฏิบัติราชการแทนไม่มีอำนาจสั่งคดีดังกล่าว หากอัยการสูงสุดไม่ได้มีคำสั่งใด
ผู้สื่อข่าวรายงว่า หลังชี้แจงและเข้าใจเจตนาแล้ว คณะของ นายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานคณะกรรมการอัยการ และกลุ่มประชาชนชาวจ.นครราชสีมา ได้แยกย้ายกันเดินทางกลับด้วยความเรียบร้อย