เมื่อวันที่ 6 ส.ค. ที่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) นายรัฐพล ภักดีภูมิ ประธานกรรมการ ไปรษณีย์ไทย กล่าวว่า คณะกรรมการ ไปรษณีย์ไทยให้ความสำคัญและได้มอบแนวนโยบายให้ไปรษณีย์ไทยรักษาฐานธุรกิจเดิมพร้อมรุกกลุ่มตลาดใหม่ (NewS-Curve) นำเทคโนโลยี และนวัตกรรมมาใช้ในการพัฒนาบริการต่าง ๆ ให้เป็นดิจิทัลเหมาะสมกับวิถีชีวิตประชาชน ผู้ใช้บริการรายย่อย ผู้ประกอบการ e-Commerce ให้ได้รับบริการที่สะดวกรวดเร็ว รวมทั้งผู้ประกอบการสินค้าชุมชน และเกษตรกรให้มีช่องทางการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางไปรษณีย์ไทยมากขึ้น เน้นการนำเครื่องจักรอัตโนมัติมาใช้ในทุกกระบวนการทำงานให้มีมาตรฐานบริการได้อย่างรวดเร็วมีคุณภาพบริการที่ดี ยึดหลักธรรมาภิบาล ขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวไปด้วยความมั่นคงและยั่งยืน
นายก่อกิจด่านชัยวิจิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ ไปรษณีย์ไทย กล่าวว่า ไปรษณีย์ไทยหน่วยงานการสื่อสารและการขนส่งของชาติอยู่คู่สังคมไทยมาถึง 137 ปี อยู่เคียงข้างคนไทยในทุกสถานการณ์เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการช่วยเดินหน้าเศรษฐกิจดิจิทัล มุ่งมั่นพัฒนาบริการต่างๆ ให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้บริการอย่างต่อเนื่อง สนองนโยบายภาครัฐตามภารกิจของไปรษณีย์ไทยภายใต้สังกัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
สำหรับทิศทางและนโยบายการดำเนินงานในอนาคตของไปรษณีย์ไทย จะพัฒนากลุ่มธุรกิจที่เคยเป็นฐานรายได้หลักคือ กลุ่มธุรกิจไปรษณียภัณฑ์ดั้งเดิมประเภทจดหมาย ไปสู่รูปแบบดิจิทัล โดยจะพัฒนาระบบการจัดการด้านเอกสารอิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจรให้กับภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน มีความปลอดภัยเป็นมาตรฐานเดียวกันได้รับการยอมรับในเชิงกฎหมายทั้งในประเทศ และระหว่างประเทศ เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลในอนาคตถือเป็นการปรับโฉมบริการดั้งเดิมให้เป็นบริการรูปแบบใหม่ที่จะรักษาฐานรายได้เดิมเอาไว้สร้างฐานรายได้ใหม่ไปพร้อมกัน
ทั้งนี้ จากปัจจัยการขยายตัวธุรกิจอีคอมเมิร์ซ กลุ่มธุรกิจขนส่งโลจิสติกส์นับว่าเป็นกลุ่มธุรกิจสำคัญที่ไปรษณีย์ไทยยังคงมุ่งมั่นพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลทั้งรูปแบบบริการและคุณภาพบริการ ทั้งการส่งในประเทศและระหว่างประเทศโดยนำเทคโนโลยีปรับใช้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการการปรับปรุงรถยนต์ขนส่งให้เป็นรถควบคุมอุณหภูมิเพื่อรักษาคุณภาพของสิ่งของฝากส่งไม่ให้เสียหายระหว่างทางรองรับการจัดส่งผลผลิตทางการเกษตรที่มีปริมาณมากขึ้นในปัจจุบันซึ่งเป็นการสนองนโยบายของรัฐในการแก้ไขปัญหาเรื่องราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ พร้อมทั้งเพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้กับเกษตรกรผ่านไปรษณีย์และเว็บไซต์ thailandpostmart
“จะพัฒนาตู้ iBox เพื่อทำให้การรับฝากและนำจ่ายสิ่งของในปัจจุบันไปสู่ระบบการให้บริการอัตโนมัติร่วมกับธนาคารพาณิชย์ในการเป็นตัวแทนธนาคารให้บริการรับฝาก-ถอนเงิน และในอนาคตจะมีการร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์ให้บริการยืนยันตัวตน(KYC) แก่ผู้ใช้บริการที่ต้องการเปิดบัญชีเงินฝาก ณเคาน์เตอร์บริการไปรษณีย์ทั่วประเทศ รวมทั้งใช้ความเชี่ยวชาญของบริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่นจำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของไปรษณีย์ไทย มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งการส่งสิ่งของขนาดใหญ่ (G2G/B2B) การจัดเก็บสินค้าในคลังสินค้าการนำจ่ายถึงบ้าน และการส่งคืนสินค้าให้ผู้ฝาก”
ทั้งนี้ ในวาระครบรอบ 137ปี ไปรษณีย์ไทยเปิดตัวโครงการ “ไปรษณีย์ reBOX” ร่วมกับบริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด(มหาชน) รวบรวมซองกระดาษ และกล่องพัสดุที่ไม่สามารถใช้ซ้ำได้แล้วเข้าสู่กระบวนการแปรรูปเป็นชุดโต๊ะ เก้าอี้ เพื่อใช้ประโยชน์ทางการศึกษา ส่งมอบเป็นของขวัญปีใหม่2564 ให้น้องๆ นักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน เพื่อให้เด็กๆได้มีอุปกรณ์การเรียนที่เพียบพร้อมและเป็นการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นด้วยการลดปริมาณขยะให้น้อยลงปูทางไปสู่เศรษฐกิจสีเขียวอย่างเต็มรูปแบบ โดยผู้ที่สนใจสามารถรวบรวมซองกระดาษและกล่องพัสดุฯ มาส่งได้ที่ไปรษณีย์ไทยในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลไปรษณีย์จังหวัด และศูนย์ไปรษณีย์ รวมทั้งสิ้น 141 แห่งตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค.–31ต.ค.นี้