เมื่อ “นักวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย” ทราบข่าวการจบชีวิตตัวเองของ “โก ยู มิน” นักตบสาวเกาหลีใต้ สาเหตุจากการถูกบูลลี่ ซึ่งพวกเธอรู้สึกสะเทือนใจ และมองว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวเพราะเป็นคนกีฬาด้วยกัน
จากเหตุการณ์ที่ โก ยู มิน นักวอลเลย์บอลหญิงชาวเกาหลีใต้ วัย 25 ปี ของอดีตผู้เล่นสโมสร ฮุนได ฮิลล์สเตท ทีมในลีกเกาหลีใต้ ตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา ภายหลังมีการเปิดเผยจดหมายที่เธอเขียนไว้มีสาเหตุสำคัญคือ รับความกดดันจากโลกโซเชียลที่ดูถูกไม่ไหว และการดูถูกของทีมสตาฟฟ์โค้ช
หากเทียบกับประเทศไทยแล้วการคอมเมนต์เดือดมักจะเกิดขึ้น เมื่อทีมชาติไทยมีผลการแข่งขันพ่ายแพ้ หรือ ฟอร์มการเล่นที่ไม่ถูกใจก็มักจะโดนถล่มเสมอ เรื่องนี้นักวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยมองว่า ไม่ใช่เรื่องไกลตัวเพราะเข้าใจหัวอกนักกีฬาด้วยกัน
และนี่คือมุมมอง 3 นักวอลเลย์บอลหญิง ที่กำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักให้กับวงการลูกยางหญิงไทย
“ชมพู่” พรพรรณ เกิดปราชญ์
จริงๆ พอเกิดเหตุการณ์นี้ค่อนข้างช็อก ไม่คิดว่าจะเกิดกับวงการนักกีฬาวอลเลย์บอล ซึ่งมันใกล้ตัวมากเพราะมันคือกีฬาวอลเลย์บอล
คิดอย่างไรกับประเทศไทยเมื่อมีการคอมเมนต์เดือดเวลาทีมไทยแข่งขัน
จริงๆ ตอนแข่งไม่สามารถเห็น แต่ว่าหลังจากแข่งขันไม่ว่าจะเป็น 1 วัน 2 วัน หลังจากแข่งขัน ไม่ว่านักกีฬาคนนั้นจะอัปรูปก็จะโดนบูลลี่ โดนทัวร์ลง มองว่าเหตุการณ์นี้เป็นอะไรที่เตือนใจสำหรับคนที่คอยจะบูลลี่นักกีฬา หรือเตือนใจนักกีฬาเองว่าทำอย่างไรเราควรจะผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้ยังไง ซึ่งเป็นอะไรที่น่าจับตา
เรื่องนี้อยากให้ทุกคนเรียนรู้เลยจริงๆ ทุกคน เรียนรู้เลยว่าการที่เราไปบูลลี่คนคนหนึ่ง ซึ่งเราก็รู้อยู่แล้วการบูลลี่คนคนหนึ่งไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรที่ไม่ใช่นักกีฬามันค่อนข้างรุนแรงอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เกี่ยวกับนักกีฬา ซึ่งนักกีฬาของคุณถ้าคุณบูลลี่เขา เขาจะรู้สึกเฟลมากอยู่แล้วกับการที่แข่งแพ้, เล่นไม่ดี หรือไม่ได้ตามมาตรฐานตัวเอง ถ้าหากคุณบูลลี่เขามากขึ้น เรื่องพวกนี้ค่อนข้างที่จะเสียหายมาก แต่ว่านักกีฬาคนนั้นจะสามารถผ่านไปได้หรือเปล่า ต้องรอดูอีกทีว่าเขาเข้มแข็งมากแค่ไหน แต่ใครที่ผ่านเรื่องนี้ไปได้ก็เรียกได้ว่าแข็งแกร่งได้เลย
ถ้าถามว่า เราอยากให้คนบูลลี่คิดยังไง คุณอาจจะเลิกไม่ได้ แต่ว่าคุณอาจจะเบาลงก็ได้ บางทีมันอาจจะไม่แค่นักกีฬาเกาหลีที่ฆ่าตัวตาย ต่อไปเรื่องนี้มันอาจจะเป็นตัวอย่างให้นักกีฬาท่านอื่นในประเทศไทยหรือต่างประเทศก็ได้ มันอาจจะเกิดขึ้นอีก อยากให้คนไทยลดการใช้ถ้อยคำรุนแรง คิดว่าคนไทยน่าจะศึกษาเอาไว้
“เพียว” อัจฉราพร คงยศ
อย่างเหตุการณ์ที่ทุกคนทราบ มันไม่ได้เป็นเฉพาะแค่กีฬาวอลเลย์บอล เชื่อว่าการที่โดนบูลลี่คิดว่าเป็นทุกกีฬาเลยด้วยซ้ำที่เกิดการบูลลี่ไม่ว่าจะเป็นทีมงานหรือว่าชาวเน็ต พอเริ่มมีการคาดหวังมันส่งผล เชื่อว่าทุกคนเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ อยู่ที่ว่าเราสามารถผ่านเหตุการณ์แบบนี้ไปได้หรือไม่ อยู่ที่ว่าสภาพจิตใจเราเข้มแข็งมากเข้มแข็งเพียงพอรึเปล่า และคิดว่าการที่เรามีคนที่คอยซัพพอร์ต คอยเป็นกำลังใจให้เราไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตามมันอาจจะทำให้เราสามารถก้าวผ่านเรื่องนี้ไปได้ แต่ว่าช่วงเวลานั้นเข้าใจว่าเป็นช่วงเวลาที่อ่อนแอของแต่ละคน หนูว่าเป็นเหตุการณ์ที่น่าสลด น่าเสียใจ กับการที่มีข่าวอย่างนี้เกิดขึ้นมาในวงการกีฬา
ระหว่าง แฟนกีฬา กับ สตาฟฟ์โค้ช?
หนูว่าในเมื่อเราโดนดูถูกไม่ว่าจะจากสตาฟฟ์โค้ช หรือจากแฟนๆ มันเป็นอะไรที่น่าเสียใจมากแล้ว แต่ว่าการดูถูกกับการพูดให้เรามีความกระหายนั้นต่างกัน อย่างบางทีโค้ชอาจจะพูดแรง แต่ความแรงของเขามีบางสิ่งบางอย่างที่เขาพูดเพื่อตักเตือนใจ พูดให้เรารับรู้ว่าเขาพูดเพื่อไม่ได้พยายามจะเหยียบย่ำให้เราจม แต่กับแฟนๆ ก็มีคนที่พูดแบบให้กำลังใจ ดูถูกเพื่อให้เราสู้ กับ ดูถูกไม่ชอบเรา อะไรก็ตามที่ดีเราก็สมควรฟัง แต่อันไหนที่เราฟังแล้วมันบั่นทอนจิตใจเรา พยายามลบมันไปให้ได้มากที่สุด ก็จะดีต่อตัวเราเอง
ฝากน้องๆ ที่ขึ้นมา เชื่อว่าทุกคนจะต้องเจอการบูลลี่แน่นอน ก็อยากให้ทุกคนมีจิตใจที่เข้มแข็ง แล้วก็ให้พร้อมรับกับทุกสถานการณ์ไม่ว่าจะเป็นการบูลลี่เอง หรือการที่โค้ชพูดอะไรก็ตาม เพราะว่าบางสิ่งบางอย่างที่เขาพูดเขาหวังดีอยากให้เราได้ดี อันไหนที่ดีก็ควรเก็บนำไปปรับนำไปทำให้มันดีขึ้น แต่อันไหนที่เรารู้สึกว่าฟังแล้วทำให้เรารู้สึกบั่นทอนรู้สึกแย่ พยายามที่จะลบทิ้งไปให้ได้ไว้ที่สุด เมื่อไรที่มีปัญหาให้เราทักหารุ่นพี่ หาเพื่อน หรือใครก็ตาม พูดอธิบายให้เขาฟัง อย่าเก็บอะไรไว้คนเดียว เพราะจะเป็นเราที่รับรู้เรื่องราวคนเดียว ทำให้เรายิ่งดิ่งลงไป มีอะไรก็ปลดปล่อยออกมาให้มากที่สุดแล้วมันจะดีเอง
“บุ๋มบิ๋ม” ชัชชุอร โมกศรี
เรื่องนี้สำหรับหนู มองว่า เป็นเรื่องที่ร้ายแรง คือโซเชียลสมัยนี้มันเข้าถึงทุกคน ข่าวกระจายไปได้เร็ว ซึ่งการพูดอะไรที่ไม่ดีในโซเชียล คนพูดคนพิมพ์เขาไม่ได้คิด แต่คือคนที่ฟังคนที่รับคือเรา ไม่รู้หรอกว่าเขาคิดไปถึงไหน เขาอาจจะไม่คิดอะไรเลย หรือว่าเขาอาจจะคิดมาก การบูลลี่กันในสังคม หนูคิดว่ามันไม่น่าจะเกิดขึ้น
ประสบการณ์ที่ผ่านมาพอแข่งเสร็จเคยอ่านเจอคอมเมนต์ไม่ดีบ้างก็มีเยอะ
เราโชคดีมีรุ่นพี่ที่ดี ทีมงานสตาฟฟ์โค้ชที่ดี พ่อแม่คอยให้กำลังใจ รวมถึงหลายๆ คนช่วยซัพพอร์ตเรา มันก็เลยทำให้เราใจฟูลตลอด ไม่ได้จิตตกไปเลย ถือเป็นความโชคดีของเรา
เวลาเห็นคอมเมนต์ด่าเราหลังจากเล่นไม่ดี
สำหรับตัวหนูถ้าจะไม่ให้สนใจเลยก็คงไม่ได้ มันก็ต้องมีสนใจบ้าง ตัวหนูก็ไม่ค่อยคิดมาก แต่ถ้าวันไหนโค้ชพูดนี่แหละค่ะจะทำให้เราคิดมาก
หากโดนสตาฟฟ์โค้ชก็ไม่ใช่เชิงด่า เขาอาจจะพูดประมาณว่าบางวันตีได้แค่มุมเดียวน่าจะเพิ่มมุมก็ไม่เชิงด่า เป็นเชิงบอกและสอน ซึ่งมันทำให้เราคิดและอยากจะพัฒนาตัวเองขึ้นเป็นแบบนี้มากกว่า
สุดท้ายมองว่าสังคมเกาหลี ข่าวแบบนี้ออกมาเยอะ คนมันดาวน์ลงไปแล้ว ยิ่งไปตอกย้ำก็จะมีแต่ยิ่งดาวน์ลงไปอีก
นักกีฬาทุกคนทำเพื่อชาติต้องการกำลังใจ พวกเราเคยมีความสุขกับวันที่พวกเขานำชัยชนะมาสู่แผ่นดินบ้านเกิด แต่ในวันที่พวกเขาพ่ายแพ้กลับมา พวกเขาเองก็คือมนุษย์คนหนึ่งที่ต้องการกำลังใจในยามที่ทำภารกิจสำคัญ
หากพวกเขาต้องเจอกับคำพูดแย่ๆ ในโซเชียล ก็จะมีแต่สิ่งที่บั่นทอนขวัญและกำลังใจ และเราอาจไม่ได้เห็นความสำเร็จของคนคนนั้นอีกในอนาคต.
ผู้เขียน : องค์ชายกระต่าย