ภายหลังมาตรการอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ได้ผ่อนคลายลง ประเทศไทยกำลังค่อยๆ กลับมาสู่สภาวะปกติหลังจากไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อภายในประเทศติดต่อกันมานานกว่า 2-3 เดือน ส่งผลให้หลายธุรกิจและหน่วยงานภายในประเทศต่างทยอยกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง
ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร ชายหาด รวมไปถึงธรุกิจที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยวอย่างโรงแรม และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ โดยยังคงมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม หรือ Social Distancing เอาไว้ เพื่อความปลอดภัยของทุกคน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการท่องเที่ยวในประเทศกำลังมีแนวโน้มดีขึ้น แต่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการโรงแรมยังคงต้องใช้เวลาอีกช่วงหนึ่งเพื่อกลับมาฟื้นตัวอย่างเต็มที่อีกครั้ง และเนื่องจากภาคการท่องเที่ยวมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ รัฐบาลไทยจึงได้นำเสนอแพ็กเกจกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศเพื่อฟื้นฟูภาคธุรกิจสำคัญนี้เป็นพิเศษ
โดยแพ็กเกจนี้จะช่วยให้คนไทยที่อยากออกไปท่องเที่ยวแบบ Staycation หรือการท่องเที่ยวใกล้ๆ ภายในประเทศในช่วงวันหยุดที่กำลังมาถึง หรือช่วงสุดสัปดาห์ได้รับเงินสนับสนุนการออกไปเที่ยวในขณะเดียวกันภาคธุรกิจที่จัดการประชุมหรืออบรมสัมมนาพนักงานก็จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
ภายใต้แสงแห่งความหวังของการฟื้นตัวนี้ “มิเชล เกา” ผู้จัดการประจำภูมิภาคของ Booking.com ได้นำข้อมูลเชิงลึกมาแบ่งปันกับผู้ประกอบการโรงแรมและธุรกิจที่พักทั่วประเทศไทย เพื่อช่วยให้แขกที่จะเข้าพักสามารถรับมือกับความปกติใหม่หรือ New Normal ของการท่องเที่ยวได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น และสามารถสนุกไปกับการพักผ่อนครั้งแรกในรอบหลายเดือนหลังการล็อกดาวน์อย่างไร้กังวล
โดย “มิเชล” บอกว่า เมื่อผู้คนเริ่มรู้สึกสบายใจที่จะออกไปเที่ยวภายในประเทศอีกครั้ง ผู้ประกอบการธุรกิจที่พักควรพยายามอย่างดีที่สุด เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจให้นักเดินทาง ตลอดจนเรียกความเชื่อมั่นจากแขกที่เข้าพักด้วยมาตรการด้านความปลอดภัยและสุขอนามัยที่แต่ละที่พักได้ลงมือปฏิบัติกับที่พักของตน
นอกจากนี้ ที่พักแต่ละที่จำเป็นต้องสื่อสารเกี่ยวกับมาตรการความปลอดภัยในที่พักของตนต่อแขกอย่างชัดเจนและโปร่งใส ทั้งก่อนเและตลอดช่วงเวลาที่เข้าพัก ไม่ว่าจะเป็นระเบียบปฏิบัติด้านการทำความสะอาด ตำแหน่งและจำนวนจุดกดเจลล้างมือ มาตรการด้านการรักษาระยะห่างระหว่างบุคคลในส่วนของพื้นที่ส่วนรวม ความปลอดภัยในการเตรียมอาหาร ตลอดจนการดูแลพนักงานอย่างถูกสุขลักษณะ
ทั้งนี้ Booking.com ได้สนับสนุนคู่ค้าด้วยการจัดทำ แนวทางด้านสุขภาพและความสะอาด รวมถึงปรับปรุงระบบให้คู่ค้าสามารถแสดงมาตรการจัดการด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยบน Booking.com เพื่อให้ลูกค้าที่อยากเข้าพักสามารถตรวจสอบอย่างรวดเร็วว่าที่พักแห่งนี้ เตรียมการจัดการกับที่พักอย่างไรเพื่อความปลอดภัยของพวกเขา
โดยข้อมูลจาก Booking.com เปิดเผยว่าการอยู่บ้านไม่ได้ปิดกั้นผู้คนให้เฝ้าฝันถึงความเป็นไปได้ในการเดินทาง แม้ว่าการท่องเที่ยวต่างประเทศยังไม่สามารถกลับมาได้ ความฝันถึงการได้ไปท่องเที่ยวใกล้ๆ หรือ Staycation กลับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทย โดย 72% ของนักท่องเที่ยวชาวไทยเลือกที่พักภายในประเทศเข้าไปเป็นหนึ่งใน Wish List บน Booking.com ระหว่างช่วงเดือนมีนาคม – เมษายน 2563 โดยเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง 18%
ทั้งนี้ ผู้ให้บริการที่พักต้องเข้าใจวิธีการในการจับกระแสความต้องการท่องเที่ยวในประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ จนกว่าการท่องเที่ยวต่างประเทศจะกลับเป็นปกติอีกครั้ง โดยเทรนด์การค้นหาในเดือนมิถุนายนเปิดเผยว่ากรุงเทพฯ ติด 10 อันดับแรกของจุดหมายปลายทางที่ถูกค้นหามากที่สุดทั่วโลก ซึ่งจุดหมายปลายทางยอดนิยมอย่างเชียงใหม่ พัทยา หาดใหญ่ ก็ติด 10 อันดับแรกของจุดหมายปลายทางนานาชาติที่มีคนค้นหามากที่สุดเช่นกัน
และเพื่อการเตรียมตัวสำหรับนักท่องเที่ยวภายในประเทศและแขกต่างชาติที่จะมาในอนาคต ผู้ให้บริการที่พักควรอัปเดตข้อมูลและรูปภาพของที่พักให้ดูน่าดึงดูดและให้ข้อมูลที่จำเป็นทั้งหมดต่อนักเดินทาง เพื่อสร้างความมั่นใจแก่นักเดินทางเมื่อทำการจอง โดยเฉพาะการแสดงและปรับปรุงนโยบายต่างๆ เช่น นโยบายการเปลี่ยนแปลงการจองจะกลายเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวต้องการอย่างมากเมื่อต้องวางแผนการเดินทางอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการวางแผนการท่องเที่ยวล่วงหน้าเป็นเวลานาน
ผู้ให้บริการที่พักควรเปิดรับนโยบายการเปลี่ยนแปลงการจอง หรือนโยบายอื่นๆ ตลอดจนสื่อสารอย่างชัดเจนกับแขกที่มาเข้าพักเกี่ยวกับนโยบายเหล่านั้น เพื่อช่วยให้แขกสบายใจเมื่อทำการจองที่พัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรัฐบาลมีการปรับเปลี่ยนมาตรการและข้อบังคับต่างๆ เพื่อความปลอดภัยอยู่เสมอ
“มิเชล” ยังบอกด้วยว่า ทั่วโลกมีผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่เล็งเห็นความสำคัญของการมีความรับผิดชอบต่อสังคม และกำลังทำหน้าที่ในส่วนของตนเพื่อผลักดันวาระด้านสิ่งแวดล้อม โดยอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีบทบาทสำคัญในการเลือกสิ่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงสร้างแรงบันดาลใจแก่นักเดินทางให้ช่วยอนุรักษ์โลกของเราไม่ว่าจะเมื่ออยู่บ้านหรือไม่อยู่บ้าน
ซึ่งจากผลการศึกษาล่าสุดพบว่า 82% ของนักท่องเที่ยวทั่วโลกระบุว่า พวกเขาให้ความสำคัญต่อการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และ 74% บอกว่าว่าในปี 2563 พวกเขาวางแผนจะเลือกเข้าพักในที่พักที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
“Booking.com กำลังพัฒนาศูนย์ข้อมูลที่ช่วยให้ผู้ประกอบการธุรกิจที่พักทั่วโลก สามารถนำแนวทางการปฏิบัติเพื่อความยั่งยืนไปใช้ในที่พักของตน รวมถึงได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ความพยายามผลักดันการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนจากผู้ให้บริการที่พักมีความโปร่งใสและชัดเจนมากขึ้น โดยแขกสามารถรู้ล่วงหน้าเมื่อทำการจองที่พัก ว่าที่พักที่พวกเขากำลังจะเข้าพักนั้นตั้งเป้าลดการใช้พลาสติก ประหยัดน้ำและพลังงาน หรือแม้แต่สนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์กับชุมชนท้องถิ่น”
พร้อมทั้งบอกอีกว่า ตื่นเต้นเป็นอย่างมากเมื่อเห็นภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทยฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว จึงมั่นใจว่าทุกภาคส่วนจะทยอยฟื้นตัว ตามลำดับ และสร้างงานสร้างอาชีพให้แก่ผู้คนนับล้าน
ทั้งนี้ Booking.com ต้องการสร้างความมั่นใจแก่คู่ค้าว่าเราอยู่เคียงข้างเพื่อสนับสนุนอุตสหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศให้กลับมาเปิดใหม่ได้อีกครั้ง ตลอดจนสนับสนุนธุรกิจท้องถิ่นให้ก้าวผ่านความท้าทายครั้งนี้ไปด้วยกัน สู่วันที่ทุกคนสามารถท่องเที่ยวได้อย่างอิสระอีกครั้ง