บมจ.เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) (FPT) แถลงผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 ปีงบประมาณ 2563 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิ.ย.63 บริษัทบันทึกรายได้รวมลดลงเล็กน้อยที่ 4,883 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และกำไรสุทธิ 399 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันของปีก่อนจากที่มีกำไรสุทธิ 797 ล้านบาท เนื่องจากในงวดไตรมาส 3/62 บริษัทมีกำไรจากการขายที่ดินให้แก่บริษัทร่วมทุน ประกอบกับมาตรการปิดเมืองในช่วงการระบาดของไวรัสโควิดในปีนี้ทำให้ธุรกรรมโอนบ้านต้องเลื่อนระยะเวลาออกไป
ขณะเดียวกัน บริษัทประสบความสำเร็จในการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) จำนวน 1,210,057,784 หุ้น สามารถระดมทุนได้ถึง 3,207 ล้านบาทเพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านสภาพคล่อง
นอกจากนี้ เมื่อเดือน ก.ค.63 คณะกรรมการบริษัทยังอนุมัติให้ขายสินทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมมูลค่ารวม 6,000 ล้านบาทให้แก่กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (FTREIT) โดยเงินทุนดังกล่าวจะนำมาใช้ในการสร้างการเติบโตให้แก่ธุรกิจต่อไปในอนาคต
ส่วนกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม รายงานผลประกอบการงวดไตรมาส 3/63 มีรายได้ 441 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 5.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยยังสามารถรักษาสัดส่วนการเช่าพื้นที่ในอัตรา 80% จากอานิสงส์ของดีมานด์พื้นที่โรงงานพร้อมใช้ (Ready-built factories) เพิ่มสูงขึ้นจากกลุ่มผู้ประกอบการที่ต้องการย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศจีน
ในด้านคลังสินค้าแบบสร้างตามความต้องการ (Built-to-Suit) บริษัทยังคงได้รับความไว้วางใจจากบริษัทชั้นนำให้เป็นผู้พัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง เมื่อเร็วๆ นี้บริษัทบรรลุข้อตกลงกับ บริษัท เซ็นทรัล วัตสัน จำกัด ผู้นำร้านค้าปลีกด้านสุขภาพและความงามอันดับหนึ่งของประเทศไทยในการพัฒนาศูนย์กระจายสินค้าภูมิภาคทันสมัยแห่งแรกในจังหวัดขอนแก่น
กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย รายงานผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 3/63 มีรายได้ 3,880 ล้านบาท เติบโต 12.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า จากความต้องการที่พักอาศัยประเภททาวน์โฮมและทาวน์เฮาส์เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดพรีเซลล์โครงการมูลค่ารวม 8,819 ล้านบาท ณ เดือน มิ.ย.63 เพิ่มสูงขึ้น 19% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา และเพิ่มสูงขึ้นถึง 61% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า จากโครงการที่ดำเนินการอยู่ 58 โครงการ และมียอดขายรอโอน (backlog) มูลค่า 2,290 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทได้เพิ่มช่องทางการขายออนไลน์เพื่อตอบรับกับสภาพทางธุรกิจในช่วงโควิด-19 เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าที่ไม่สามารถเดินทางมาเยี่ยมชมโครงการได้ด้วยตนเอง
กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ บันทึกผลประกอบการรายได้ที่ 236 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากมาตรการผ่อนปรนค่าเช่าให้แก่ผู้เช่าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แม้ว่ากลุ่มธุรกิจโรงแรมยังคงได้รับผลกระทบจากข้อจำกัดในการเดินทาง ธุรกิจให้เช่าพื้นที่สำนักงานยังคงสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีอัตราการเช่าโดยรวมของสินทรัพย์ภายใต้การบริหารที่ 94% ณ เดือน มิ.ย.63
นอกจากนี้ ผลประกอบการของธุรกิจรีเทลยังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากกิจกรรมส่งเสริมการตลาด ภายหลังการผ่อนปรนมาตรการล็อคดาวน์ โดยปัจจุบัน อาคารสามย่านมิตรทาวน์ มีอัตราการเช่าสูงขึ้น 91% และมีร้านค้าเปิดใหม่ อาทิ AIS eSports Studio, AfterYou และ Yomie’s Rice x Yogurt
บริษัทยังคงติดตามสถานการณ์โควิด-19 อย่างใกล้ชิดและปฏิบัติงานตามมาตรการรักษาระยะห่างอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของลูกค้าและพนักงานทุกคน โดยถึงแม้ว่าบางกลุ่มธุรกิจของบริษัทจะสามารถสร้างผลงานโดดเด่นในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯยังคงดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้แล้ว การควบรวมกิจการกับโกลเด้นแลนด์ยังมีความคืบหน้าเป็นที่น่าพอใจ โดยบริษัทฯจะยังคงมุ่งมั่นในการสร้างผลตอบแทนให้แก่นักลงทุนและผู้ถือหุ้น
ปัจจุบัน ได้มีการดำเนินการตามขั้นตอนการทำคำเสนอซื้อเพื่อเพิกถอนหลักทรัพย์ บมจ.แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (GOLD) ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และคาดว่ากระบวนการเพิกถอนจะเสร็จสิ้นภายในเดือน ส.ค.63
คณะกรรมการบริษัทฯ ได้แต่งตั้งให้ นายธนพล ศิริธนชัย ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (Country CEO) เพื่อดำเนินงานตามโครงสร้างองค์กรใหม่ของ FPT โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 17 ส.ค.63 เป็นต้นไป โดยนายธนพลจะเป็นผู้ขับเคลื่อนกลยุทธ์การลงทุนที่จะสนับสนุนให้แพลตฟอร์มธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง