
นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรค และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ และประธานคณะกรรมการธุรกิจเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อภิปรายเรื่อง “ภาพรวมของเศรษฐกิจมหภาค ในยุคทันสมัยที่เทคโนโลยีเข้ามาเขย่าและเปลี่ยนชีวิตเราจะปรับตัวอย่างไร และผู้นำ Startup หลังยุคโควิดจะต้องมีวิสัยทัศน์อย่างไร” ที่คณะกรรมาธิการ การสื่อสาร โทรคมนาคมและดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) จัดขึ้น ตอนหนึ่งว่า ขณะนี้โลกเปลี่ยนแปลงไปมาก โดยเฉพาะภาคธุรกิจและการเงิน อย่างการจะปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินไม่ได้ปล่อยกันง่ายๆ ในสถานการณ์วิกฤตทั่วโลก ซึ่งยุคนี้เขาไม่ได้ดูเงินในบัญชีเพียงอย่างเดียว แต่ต้องดูเรื่องเครดิตทางสังคมด้วย และการจะปล่อยสินเชื่อต้องปล่อยทางแพลตฟอร์ม ซึ่งจะเชื่อมโยงกับแพลตฟอร์มต่างชาติขนาดใหญ่ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน นอกจากนี้ในยุคปัจจุบันธุรกิจต่างๆ จะเน้นการขายของผ่านออนไลน์มากขึ้นกว่าเดิม ที่สะดวกสบายและมีการแข่งขันกันที่สูงมากดังนั้นเราจึงต้องปรับตัว รวมถึงภาคการท่องเที่ยวที่ใช้อินเตอร์เน็ตในการโปรโมทและจองที่พัก ส่วนสื่อสารมวลชนต่างๆ ยุคสมัยนี้ไม่ค่อยมีคนอ่านหนังสือพิมพ์กันแล้ว ส่วนใหญ่จะเสพข่าวจากสื่อออนไลน์ที่คนส่วนใหญ่ใช้กัน เช่น ไลน์ เฟซบุ๊ก
นายปริญญ์ กล่าวอีกว่า อีกเรื่องคือเรื่องกฎหมายที่จะทำให้การแข่งขันเป็นธรรมต้องมีการปรับปรุงให้เกิดการแข่งขันของทุกส่วนอย่างเป็นธรรมมากขึ้น เพราะวันนี้เราซื้อขายและทำธุรกิจผ่านแพลตฟอร์มของต่างประเทศไม่มีการเก็บภาษี ดังนั้นเราควรมีการแก้กฎหมายให้เข้ากับยุค และพัฒนาแพลตฟอร์มของตัวเองเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการแข่งขันด้วย ซึ่งเวลาคนไทยซื้อของในประเทศจะต้องมีการเสีย vat 7% แต่พวกแพลตฟร์อมจากต่างชาติไม่ได้เสียอะไรเลย ดังนั้นจะต้องมีการปรับกฎหมายโครงสร้างเกี่ยวภาษี รวมถึงกิจการต่างๆ ที่เป็นของรัฐ เช่น สายการบิน รัฐวิสาหกิจ ในอนาคตยังจำเป็นที่จะต้องเป็นของรัฐหรือไม่ และอนาคตสังคมจะเป็นแบบไร้เงินสด สังคมที่จะมีนักท่องเที่ยวจีน ต่างชาติเข้ามาเที่ยวมากขึ้น เพราะเมืองไทยน่าอยู่ เราต้องเรียนรู้ว่าเราจะสามารถพัฒนาสิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้อย่างไรบ้าง และตนขอฝากไว้ว่าเราควรจะส่งเสริม Startup ให้คนไทยทำกันมากขึ้น เพราะคนไทยมีศักยภาพ เพียงแต่ขาดการสนับสนุน ดังนั้นรัฐบาลหรือเอกชนควรจะเข้าไปสนับสนุนตรงจุดนี้ด้วย