ปฏิเสธไม่ได้ ว่าการลงทุนทุกรูปแบบล้วนมาพร้อมกับความเสี่ยงที่ไม่อาจจะคาดเดาได้ การรู้และใช้เทคนิคในการควบคุมความเสี่ยงที่ดีจึงเป็น “เกราะป้องกัน” ที่จะลดการขาดทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
การกระจายความเสี่ยงของพอร์ตลงทุน
กลยุทธ์ในการกระจายความเสี่ยงคือการลงทุนสินทรัพย์หลาย ๆ ประเภท เช่น หุ้น พันธบัตร ทองคำ น้ำมัน เงินตรา อสังหาริมทรัพย์ หรือคริปโตฯ แทนที่จะลงทุนในสินทรัพย์รายการเดียว ซึ่งวิธีนี้จะช่วยลดความเสี่ยงหากสินทรัพย์ที่ลงทุนบางรายการเกิดสภาวะขาดทุนจากตลาดที่ผันผวน เพราะสินทรัพย์ประเภทอื่นยังคงสามารถทำกำไรได้
เทคนิคนี้ช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นในระยะยาวได้ เพราะสามารถเข้าถึงตลาดที่เติบโตอย่างต่อเนื่องได้ รวมทั้งการเทรดในสินทรัพย์ที่มีความสัมพันธ์กันน้อยมากหรือแทบจะไม่มี เช่น หุ้นของบริษัทจากอุตสาหกรรมที่ต่างกัน ยังทำให้บรรลุเป้าหมายการลงทุนได้เหมือนเดิม แม้ว่าบางบริษัทจะล้มละลายหรือขาดทุนไป
การใช้คำสั่ง Stop Loss – Take Profit
ใครที่เข้าสู่เว็บไซต์โบรกเกอร์อย่าง Exness เป็นประจำ จะต้องเห็นคำสั่ง SL/TP แน่นอน เครื่องมือนี้เป็นตัวช่วยลดความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาว โดยคำสั่ง Stop Loss จะทำหน้าที่ “ป้องกันการขาดทุนที่เกินการควบคุม” ซึ่งจะเปิดทำงานอัตโนมัติเมื่อราคาหลักทรัพย์ลดถึงระดับที่ตั้งเอาไว้ จากนั้นก็จะขายหลักทรัพย์ออกทันที
ส่วนคำสั่ง Take Profit จะช่วย “ล็อกกำไร” เมื่อราคาหลักทรัพย์เพิ่มถึงระดับที่น่าพึงพอใจ ซึ่งข้อดีของเครื่องมือนี้ก็คือ หากนักลงทุนตั้งเป้าหมายกำไรชัดเจน ก็จะสามารถวางแผนการขายล่วงหน้าได้ และช่วยลดความเสี่ยงจากราคาตลาดที่ดิ่งเหวอย่างคาดไม่ถึงในอนาคต
การเปรียบเทียบ Risk-Reward Ratio
อัตราส่วนผลตอบแทนต่อความเสี่ยง Risk Reward Ratio (RRR) เป็นเครื่องมือที่ใช้ประเมินและวิเคราะห์ความคุ้มค่าของการลงทุน โดยพิจารณาความเสี่ยงที่ยอมรับได้เมื่อเปรียบกับกำไรที่คาดหวัง มักจะคำนวณจากสัดส่วนระหว่าง Stop Loss กับ Take Profit
ตัวอย่างเช่น ลงทุนในตลาดหุ้นที่เสี่ยงขาดทุน 100 บาท แต่คาดว่าจะได้กำไร 500 บาท อัตราส่วน RRR จะเป็น 1:5 ซึ่งหมายความว่า ผลตอบแทนจะมีมูลค่า 5 เท่าของความเสี่ยง การใช้อัตราส่วนนี้จะช่วยให้ประเมินความน่าสนใจของตัวเลือกที่มีอัตราส่วนทำกำไรได้ดีกว่าในระยะยาว
การเลือก Lot Size ที่เหมาะสม
Lot Size คือขนาดพอร์ตซื้อขายที่ในตลาดการเงิน เช่น ตลาดฟอเร็กซ์ การกำหนดขนาดที่เหมาะสมจะช่วยคุมความเสี่ยงบนตลาดที่มีความผันผวนสูงได้ เพราะหากเลือกขนาดที่ใหญ่ไปจะทำให้ขาดทุนอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าเลือกขนาดเล็กเกินไปก็จะเป็นการตัดกำไรที่สมควรจะได้รับ
การวิเคราะห์จากตารางคํานวณ Lot Size ตามสัดส่วนของเงินทุนในบัญชีและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (ไม่เกิน 1%) จะช่วยให้ลดการขาดทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพและรักษาพอร์ตการลงทุนได้ในระยะยาว
การติดตามแนวโน้มตลาด
การติดตามข่าวสารของตลาดการลงทุนเป็นปัจจัยที่สำคัญมากสำหรับนักลงทุนทุกคน เพราะจะช่วยให้เลือกได้ว่าควรจะซื้อหรือขายสินทรัพย์ตัวไหนด้วยเงินจำนวนมากน้อยแค่ไหน และนี่ก็คือวิธีการติดตามการเปลี่ยนแปลงตลาดอย่างใกล้ชิด
- ติดตามข่าวสารและเหตุการณ์สำคัญของเศรษฐกิจระดับโลกและระดับภูมิภาค เช่น ประกาศการเพิ่มอัตรา ดอกเบี้ย ประกาศการเลิกจ้างงาน เป็นต้น
- วิเคราะห์กราฟราคา เพื่อดูทิศทางว่าเป็นขาขึ้นหรือขาลง
- อาศัยเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคและอินดิเคเตอร์ต่าง ๆ
การนำแนวทางเหล่านี้มาประยุกต์ใช้ร่วมกันจะช่วยให้สามารถควบคุมความเสี่ยงและสร้างผลกำไรจากการเทรดในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น