นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในการพบปะกับนายนะชิดะ คะสุยะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ได้หารือถึงการเดินทางระหว่าง 2 ประเทศทั้งทางด้านอากาศและทางน้ำ โดยฝั่งไทยอยากให้เน้นมาตรการด้านสาธารณสุขมาเป็นอันดับแรกในการพิจารณาการเดินทาง และขอให้ท่านทูตนำเรียนไปถึงรัฐบาลญี่ปุ่นด้วย
“เรื่องนี้คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าน่าจะได้ข้อยุติร่วมกัน และเชื่อว่าหากดำเนินการกับประเทศญี่ปุ่นได้สำเร็จ ก็จะยกเป็นโมเดลต้นแบบในการเปิดผ่อนปรนการเดินทางเข้าประเทศกับประเทศอื่นๆต่อไป”
โดยที่ผ่านมานักธุรกิจญี่ปุ่นได้หารือกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) แล้วพบปัญหาการตรวจคัดกรองโรคคือ ในรัฐบาลญี่ปุ่นมีนโยบายตรวจคัดกรองเฉพาะผู้ที่มีอาการป่วยเท่านั้น ซึ่งไม่ตรงกับมาตรการของประเทศไทยที่ต้องการให้มีการตรวจคัดกรองโรคตั้งแต่อยู่ประเทศต้นทาง แต่ทูตญี่ปุ่นได้เรียนแล้วว่า ทางรัฐบาลเข้าใจถึงหลักการดังกล่าวแล้ว และในสัปดาห์หน้าคงจะทราบผลการพิจารณาอนุมัติปรับเปลี่ยนนโยบายดังกล่าว
“ทางญี่ปุ่นยืนยันว่า พร้อมทำตามมาตรการด้านสาธารณสุขของเราแน่นอน ทั้งการตรวจคัดกรองโรคจากต้นทาง การซื้อประกันสุขภาพที่มีวงเงินคุ้มครองสูงเกิน 100,000 เหรียญสหรัฐฯ และการตรวจคัดกรองอีกรอบหนึ่งเมื่อเดินทางมาถึง ซึ่งเมื่อปฏิบัติตามนี้ก็เชื่อว่าจะปลอดภัย และตามประกาศของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ฉบับล่าสุด เราไม่ได้ห้ามให้บินเข้ามาในประเทศแล้ว เพียงแต่ว่าต้องปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดเท่านั้นเพียงแต่ว่าต้องปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดเท่านั้น” นายศักดิ์สยามกล่าวและว่า
ส่วนการหารือถึงการผ่อนปรนและขอเงื่อนไขพิเศษให้นักลงทุนจากต่างประเทศโดยเฉพาะญี่ปุ่นเดินทางเข้ามาในประเทศนั้น ทางการญี่ปุ่นไม่ได้ขอให้มีมาตรการเพิ่มเติมอะไร เพียงแต่ให้มีการดำเนินการตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขเท่านั้น แล้วเมื่อเดินทางเข้ามาในประเทศต้อง Private Quarantine ก่อน 14 วัน เพราะเรายังไม่ได้ผ่อนปรนปล่อยฟรีให้เดินทางไปที่ไหนก็ได้ แม้แต่กรณีที่รัฐบาลมีนโยบายอนุญาตให้ผู้ป่วยต่างชาติเข้ามารักษาโรคในไทยได้ แต่เราก็งดเว้นโรคโควิด-19 ไว้ ไม่ให้เข้ามา