เส้นทางนักลงทุน
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กลับมาดูร้ายแรงอีกครั้ง โดยมีจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกต่อวันอยู่ในระดับสูงถึง 1.8-2 แสนคน ทำให้บางพื้นที่กลับมาใช้มาตรการ Lockdown เช่น ในออสเตรเลีย ซึ่งสถานะดังกล่าวสร้างความกังวลให้กับ Sentiment การลงทุน รวมถึงภาพรวมของเศรษฐกิจทั่วโลก
ในส่วนของประเทศไทยยังคงเห็นโอกาสที่จะปรับลดประมาณการ GDP Growth โดยล่าสุดมีการให้น้ำหนักไปที่ภาคการส่งออก และภาคการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามในส่วนของฝ่ายวิจัยได้ครอบคลุมประเด็นดังกล่าวไว้แล้วโดยคาด GDP Growth ปี 2563 จะอยู่ที่ -8.4%
แต่ในอีกมุมหนึ่ง ยังมีหุ้นที่น่าสนใจในแต่ละอุตสาหกรรม ซึ่งยังสามารถเติบโตได้ในสถานการณ์ดังกล่าว โดยตัวอย่างจาก บล.เอเอสแอล แนะนำมาเพื่อใช้เป็นกลยุทธ์การลงทุน เช่น
กลุ่มการเงิน: ชอบเนื่องจากภาวะอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำ แล้วจะยังคงอยู่ระดับต่ำต่อเนื่องจนกระทั่งปี 2564 รวมถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานในระยะยาวที่จะขยายตัวต่อเนื่อง หนี้ด้อยคุณภาพที่อยู่ในระดับต่ำ แนวโน้ม NPL ที่สูงขึ้นในตลาด และค่าใช้จ่ายสำรองฯ ที่จะไม่เพิ่มขึ้นสูง จึงชอบ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC, บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD
กลุ่มพลังงาน: ราคาน้ำมันดิบเริ่มปรับตัวขึ้น จากความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากการปลดล็อกในหลาย ๆ พื้นที่ ส่งผลให้หลายธุรกิจกลับมาเปิดดำเนินการได้อีกครั้ง แต่อย่างไรก็ดีมีปัจจัยกดดันราคาน้ำมัน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน รวมถึงอิหร่าน ถึงอย่างไรก็ชอบ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT, บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP, บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG
กลุ่มโรงไฟฟ้า: ยังคงเป็นธุรกิจที่มีรายได้แน่นอน และเป็นหุ้นกลุ่ม Defensive โดยแท้จริง เนื่องจากมีการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ที่รับซื้อ และยังมีการทำสัญญาระยะยาว ทำให้มั่นใจได้ว่าผลประกอบการจะไม่มีความผันผวน โดยในเดือนที่ผ่านมาราคามีการปรับตัวลงจาก Sector Rotation ไปยังหุ้นกลุ่มอื่น แต่เริ่มเห็นการปรับตัวกลับขึ้นมาแนะนำ “เข้าซื้อสะสม” ส่วน Top pick ชอบ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM, บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG, บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC, บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER และ “เก็งกำไร” บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH, บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF
กลุ่มเทคโนโลยี: คาดกำไรไตรมาส 2/2563 หดตัวลงจากผลกระทบ COVID-19 ที่ได้รับผลกระทบเต็ม ๆ ทั้งเดือน เม.ย. ทำให้ช่องทางการขยายฐานลูกค้าทำได้ยาก และจำนวนนักท่องเที่ยวที่หายไป อย่างไรก็ดีมีปัจจัยบวกเข้ามาจากเทคโนโลยี 5G ที่เกิดขึ้นเร็วกว่าคาดในช่วงโควิด-19 โดยหลังจากนี้จะใช้เทคโนโลยี 5G เป็นกลไกหลักในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดย Top pick ของกลุ่มชอบ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ที่พื้นฐานที่แข็งแกร่งที่สุดถือครองคลื่นมากที่สุด โดยมีงบการลงทุนในเทคโนโลยี 5G ปีนี้ 3.5-4 หมื่นล้านบาท
กลุ่ม Consumer: การเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้ร้านสะดวกซื้อและห้างสรรพสินค้ากลับมาเปิดทำการได้เป็นปกติ รวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยว ส่งเสริมให้ประชาชนออกมาใช้จ่ายมากขึ้น เป็นมุมมองบวกต่อกลุ่ม แนะนำ “เข้าสะสม” ส่วน Top pick ชอบ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC, บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO, บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL, บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ILM
กลุ่มท่องเที่ยว: เริ่มฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้รับปัจจัยบวกจากนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐ หากสถานการณ์ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องมีโอกาสเห็นการเปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ โดยคาดว่านักท่องเที่ยวจากต่างประเทศจะฟื้นตัวกลับมาได้ในระดับ 50% ในไตรมาสที่ 3 แนะนำ “เข้าสะสม” ส่วน Top pick ชอบ บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW, บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT, บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL, บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT
กลุ่มขนส่ง: มีมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นต่อกลุ่มเนื่องจากการผ่อนคลายล็อกดาวน์ และการกระตุ้นการท่องเที่ยว อีกทั้งการบินภายในประเทศเริ่มฟื้นตัวกลับมา คาดในไตรมาสที่ 3 นี้จะกลับมาได้ในระดับ 80-90% อีกทั้งเริ่มพิจารณาการรับนักท่องเที่ยวจากต่างชาติเข้าสู่ประเทศไทย โดยหากสถานการณ์ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในสิ้นปีคาดว่านักท่องเที่ยวจากต่างประเทศจะกลับมาได้ในระดับ 50-60% แนะนำ “เข้าสะสม” กลุ่มขนส่งเป็นบริการรถไฟฟ้าและทางด่วน และสายการบินในประเทศ ส่วน Top pick ชอบ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS, บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM, บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV
กลุ่มอาหารและเกษตร: ยังคงเป็นกลุ่มที่แข็งแกร่งมาก เนื่องจากความเป็นปัจจัย 4 ของมนุษย์ที่ขาดไม่ได้ โดยชอบ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF เป็นหุ้นเด่น
หุ้นข้างต้นเพียงตัวอย่างเพื่อเป็นแนวทางการลงทุน เพราะไม่ใช่ว่าอะไรจะดูร้ายไปหมด เพราะในร้ายก็ยังมีดี !!