เส้นทางนักลงทุน
เมื่อภาวะตลาดหุ้นผันผวน บรรยากาศการลงทุนก็อึมครึมอีกระลอก เสมือนกับความกังวลสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในไทยอาจเกิดขึ้นรอบสองได้ หลังจากที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ยอมรับความเสี่ยงติดเชื้อระลอกสองใกล้เข้ามาหลังพบรอยรั่วจากผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะกรณีของทหารอียิปต์ที่เดินทางเข้ามาพักใน จ.ระยอง และผลตรวจยืนยันพบการติดเชื้อ
รวมถึงจากกรณีเด็กหญิงสัญชาติซูดาน อายุ 9 ขวบ เดินทางมาพร้อมครอบครัวซึ่งเป็นคณะทูต โดยเดินทางมาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2563 พบติดเชื้อโควิด-19 ได้เข้าพักที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท กรุงเทพฯ
เหตุดังกล่าวอาจส่งผลไปยังตลาดหุ้นในระยะสั้นจากอาการของนักลงทุนที่จะเกิดการแพนิกแล้วขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงออกมาหวั่นกลัวว่าจะเกิดการแพร่ระบาดระลอก 2 ระหว่างช่วงระยะเวลาเฝ้าระวังของช่วงการฟักตัวเชื้อไวรัสโควิด-19 กับคณะร่วมเดินทาง พร้อมด้วยกลุ่มคนอยู่ตามสถานที่ที่ทางตัวผู้ติดเชื้อเดินทางไป
ดังนั้นในระยะสั้นนี้เชื่อว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยอาจจะเคลื่อนไหวผันผวนอย่างไร้ทิศทาง ! การลงทุนในหุ้นกลุ่มปลอดภัยอย่างหุ้นปันผลสูงอาจเป็นตัวเลือกสำคัญ
ข้อดีของการมีหุ้นปันผลดีไว้ในพอร์ต คือ ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ แม้ในยามวิกฤติและตลาดผันผวนที่ทำให้พอร์ตมี Capital Loss มากจนขายหุ้นไม่ได้ เพราะติดสูง ฯลฯ ซึ่งอย่างน้อยก็ได้รับเงินปันผลมาเป็นระยะ อีกทั้งลดความเสี่ยงพอร์ต เพราะหุ้นปันผลบางตัวมีค่า Beta ต่ำมากจริง ๆ เพราะเป็นที่ต้องการของนักลงทุนในช่วงตลาดหุ้นซบเซา ขณะเดียวกันคนที่มีหุ้นก็กอดเอาไว้เพื่อรับปันผล
ทั้งนี้ด้วยบรรยากาศที่อาจมีโอกาสกลับมาอึมครึมอีกระลอก ทางหนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นจึงขออนุญาตหยิบยกข้อมูลจาก บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ในส่วนของกรณี 9 หุ้นพื้นฐานดีและปันผลโดดเด่น
สำหรับทั้ง 9 หุ้น ได้แก่ AP, BTS, DRT, INTUCH, HANA, PTT, RJH, SC และ TISCO
ส่วนรายละเอียดมีดังต่อไปนี้ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP คาด Dividend Yield ปี 2563 ไว้ที่ 4% (ในสภาวการณ์ปกติ 6% ต่อปี) พร้อมกับให้ราคาพื้นฐาน 7.20 บาท จุดเด่น คือ ครอบคลุมฐานลูกค้าทั้งแนวราบ และแนวสูง ฐานะการเงินแข็งแกร่ง ผู้บริหารมีประสบการณ์สูง และมีความรู้ด้านการเงินมาก เชื่อว่าจะผ่านวิกฤตินี้ไปได้
บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS คาด Dividend Yield ปี 2563 เท่ากับ 2-3% (ในสภาวการณ์ปกติ 5% ต่อปี) พร้อมราคาพื้นฐาน 12.80 บาทเนื่องจากธุรกิจมีความมั่นคง มีโอกาสเติบโตจากการได้เส้นทางรถไฟฟ้าใหม่ ๆ เข้ามาต่อเนื่อง และมีเงินลงทุนที่ดี
บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT คาด Dividend Yield ปี 2563 เท่ากับ 4-5% (ในสภาวการณ์ปกติ 6-7%) พร้อมให้ราคาพื้นฐาน 6 บาท เนื่องจากบริษัทมีการเติบโตของกำไรที่ดี ซึ่งมาจากส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น และมาร์จิ้นแข็งแกร่ง โดยหลักมาจากธุรกิจอิฐมวลเบาที่ทำกำไรได้ดีขึ้น ฐานะการเงินดี จ่ายปันผลสูงและสม่ำเสมอ
บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH คาด Dividend Yield ปี 2563 ไว้ที่ 4% (ในสภาวการณ์ปกติประมาณ 4.5-5% ต่อปี) พร้อมให้ราคาพื้นฐาน 64 บาท เนื่องจากโดยมูลค่าหุ้นเกือบทั้งหมดมาจากการถือหุ้น ADVANC 40.45% (เลือก INTUCH เพราะให้ Dividend Yield สูงกว่า ADVANC ประมาณ 1% ต่อปี)
บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA คาด Dividend Yield ปี 2563 ไว้ที่ 2.5-3.0% (ในสภาวการณ์ปกติ 4-5% ต่อปี) พร้อมให้ราคาพื้นฐาน 30 บาท จุดเด่น คือ ผลิตชิ้นส่วนฯ ที่ใช้กับสมาร์ตโฟน ซึ่งมีความต้องการซื้ออยู่สม่ำเสมอในยุค New Normal ไม่มีหนี้ ฐานะเป็นเงินสดสุทธิราว 10 บาท/หุ้น
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT คาด Dividend Yield ปี 2563 เท่ากับ 3-3.5% (ในสภาวการณ์ปกติ 5% ต่อปี) พร้อมให้ราคาพื้นฐาน 45 บาท จุดเด่น คือ เป็นผู้ประกอบการพลังงานครบวงจร โครงสร้างผู้ถือหุ้นแข็งแกร่ง มีปัจจัยกระตุ้นจากการจะนำบริษัทย่อย คือ PTTOR เข้าจดทะเบียนในตลาดฯ
บริษัท โรงพยาบาลราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ RJH คาด Dividend Yield ปี 2563 เท่ากับ 3-4% (ในสภาวการณ์ปกติ 4-5%) พร้อมให้ราคาพื้นฐาน 28 บาท เนื่องจากชอบที่โรงพยาบาลเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ มีฐานคนไข้ประกันสังคมที่แข็งแกร่งในพื้นที่จ.พระนครศรีอยุธยา โรงพยาบาลมี Economy of scale ดีขึ้นเรื่อย ๆ และในปีนี้มีรายได้จากตรวจโควิด-19 เข้ามาช่วยเสริมด้วย
บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC คาด Dividend Yield ปี 2563 เท่ากับ 4-5% (ในสภาวการณ์ปกติ 7-8% ต่อปี) พร้อมให้ราคาพื้นฐาน 2.49 บาท เนื่องจากบริษัทมีความมั่นคงในฐานะการเงินและโครงสร้างผู้ถือหุ้น ธุรกิจไปได้ดี สามารถประคองตัวได้ในช่วงวิกฤติ และมี Valuation จูงใจ ณ ราคาหุ้นปัจจุบันมี P/E ปี 2563 ที่ 5 เท่า และ P/BV ต่ำเพียง 0.5 เท่า
บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO คาด Dividend Yield ปี 2563 เท่ากับ 4% (ในสภาวการณ์ปกติ 7-8% ต่อปี) พร้อมให้ราคาพื้นฐาน 87 บาท ความน่าสนใจ คือ บริหารงานอย่างอนุรักษนิยม เน้นดูแลคุณภาพสินทรัพย์ มีสำรองฯ สูง เงินกองทุนแข็งแกร่ง และมี ROE สูงที่ 18-19%
อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุนที่กำลังเฟ้นหาหุ้นลงทุนช่วงตลาดผันผวน “หุ้นปันผลโดดเด่น” อาจเป็นตัวเลือก เพราะเชื่อว่าช่วยลดความเสี่ยงในพอร์ตได้บ้าง ถึงอย่างไรก็ได้ผลตอบแทน !!!