นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในช่วงครึ่งหลังปีนี้คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าในช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากความต้องการเงินเพื่อใช้ในการหมุนเวียนมีแนวโน้มจะสูงขึ้นกว่าในช่วงครึ่งปีแรก ที่หลายธุรกิจมีความจำเป็นต้องหยุดการดำเนินธุรกิจชั่วคราวเพื่อสนองตามนโยบายของรัฐบาล แต่ตอนนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิต-19 เริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีและมีการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ยังเป็นช่วงเข้าสู่ฤดูฝน ลูกค้าในภาคเกษตรมีความต้องเงินมาลงทุนเพื่อทำการเพาะปลูก รวมถึงโรงเรียนเปิดเทอม ผู้ปกครอง มีความจำเป็นต้องใช้เงินมาใช้จ่ายในช่วงนี้เป็นจำนวนมาก ทำให้บริษัทเชื่อมั่นว่ายอดปล่อยในไตรมาส 3/2563 นี้จะเป็นไปตามเป้าที่ได้ตั้งไว้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ในครึ่งปีหลัง MTC จะมุ่งเน้นไปที่ 3 ประเด็น คือ 1.การจัดการต้นทุนทางการเงิน ซึ่งจะช่วยรักษา Spread ให้คงที่ โดยเงินทุนใหม่ของบริษัทบางส่วนมาจากเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ และบางส่วนมาจากการออกหุ้นกู้มีต้นทุนที่ถูกลงกว่าหุ้นกู้เดิมที่จะถึงกำหนดชำระในครึ่งปีหลัง ทำให้คาดหวังว่า ต้นทุนทางการเงินในครึ่งปีหลังจะต่ำลงอีกเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก
2.การคุมคุณภาพสินทรัพย์ ซึ่งรวมถึงการตั้งสำรองตามมาตรฐาน TFRS9 ให้เหมาะสม และเพียงพอต่อความเสี่ยงด้านคุณภาพหนี้ แม้ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้ให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้บางส่วนด้วยมาตรการพักชำระหนี้ และลดค่างวดไปแล้วนั้น บริษัทยังคงมาตรการในการดูแลเรื่องความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้ากลุ่มนี้ หลังจากหมดมาตรการช่วยเหลือดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และมั่นใจว่ากลุ่มลูกค้าดังกล่าวจะกลับมามีความสามารถในการชำระหนี้ได้ และจะไม่ก่อให้เกิดเป็นหนี้เสีย ซึ่งไม่น่าเกิน 2% ตามเป้าที่วางไว้ก่อนหน้านี้ และท้ายสุด คือ 3.การผลักดันการพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อยกระดับ Customer Experience
“เมื่อบริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งอย่างมาก เราคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่เราควรจะพัฒนาการให้บริการด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสร้าง Service Culture ในองค์กร และการพัฒนา Customer Experience ให้ทัดเทียมกับผู้ให้บริการด้านการเงินระดับแนวหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวะที่เราได้เปรียบ เราจะไม่ยอมให้ประสบการณ์ที่ไม่ดีทำให้เราสูญเสียลูกค้าของเราไป เราพร้อมที่จะลงทุนในระบบ Infrastructure และเทคโนโลยีต่าง ๆ รวมถึงการลงทุนในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลของเราให้มีความสามารถในการแข่งขัน และนำพาให้บริษัทเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมระดับโลกได้ และบริษัทเชื่อมั่นว่ากลยุทธ์เหล่านี้ จะเป็นการปูพื้นฐานไปสู่การแข่งขันเชิงรุกในปีหน้า”นายชูชาติ กล่าว