เผยแพร่:
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
ผู้จัดการออนไลน์-วันนี้( 29 ก.ค.) ห้องประชุมคณะกรรมาธิการ (สผ.)408 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา (เกียกกาย) ดร.บุญลือ ประเสริฐโสภา ประธานคณะกรรมาธิการกีฬา สภาผู้แทนราษฎร ประชุมคณะกรรมาธิการกีฬา สภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 21 มีคณะกรรมาธิการกีฬา,ที่ปรึกษาฯ เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียงกัน การพิจารณาครั้งนี้เป็นการศึกษาปัญหาการถ่ายทอดฟุตบอลไทยลีก
โดย นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล โฆษกคณะกรรมาธิการกีฬาฯ ได้เสนอประเด็นนี้ขึ้นมาถกจากปัญหาโรคไวรัสโคโรน่า หรือโควิด 2019 กระทบต่อการการแข่งขันกีฬาฟุตบอลไทย กมธ.กีฬาฯ จึงได้เชิญผู้เกี่ยวข้อง 3 ส่วน ประกอบด้วย บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) ซึ่งได้มอบให้ นายองอาจ ประภากมล หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านมีเดีย และ นายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ ผู้อำนวยการด้านรัฐกิจสัมพันธ์ ส่วนการกีฬาแห่งประเทศไทย ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย
ขณะที่ พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ไม่ได้มาและไม่ได้มอบหมายผู้ใดเข้าร่วมประชุม แต่ได้ตอบเป็นเอกสารว่า การถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยลีกฯ มิได้มีปัญหาใดๆ และในห้วงเวลานี้ ยังไม่สามารถจัดการแข่งขันได้ เนื่องจากกำลังรอข้อสรุปของคู่มือการปฏิบัติตามมาตรการผ่อนปรนกิจการและกิจกรรมด้านการกีฬาเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
การชี้แจงครั้งนี้ใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง ซึ่ง กมธ.กีฬา แสดงความเป็นห่วงกีฬาฟุตบอลของประเทศไทย เพราะสถานการณ์โรคไวรัสโควิด-19 ทำให้สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยไม่สามารถจัดการแข่งฟุตบอลลีกไทยได้ ถือเป็นการผิดสัญญากับ บริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีสัญญาในการจ่ายค่าลิขสิทธิ์ 1,200 ล้านบาท ให้กับทางสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ที่จะนำไปจ่ายบำรุงนักกีฬาและบุคลากรในสโมสรฯ และได้มีการเปรียบเทียบความพยามในการประคองกีฬาอื่นที่มีสัญญากับบริษัททรูฯ แต่ก็ยังสามารถผ่านวิกฤติและจัดให้มีการถ่ายทอดสดผ่านไปได้
นายองอาจ ประภากมล หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านมีเดีย บริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ในปี 2563 ชัดเจนว่ายอดเงินที่ทางบริษัททรูฯ ต้องจ่ายในสัญญาปีสุดท้ายให้กับ สมาคมกีฬาฟุตบอลประเทศไทย จะอยู่ราว 1,200 ล้านบาท แต่ติดปัญหาโควิด-19 ตลอดระยะ 6 เดือนที่ผ่านมา ทำให้ไม่มีการแข่งขันฟุตบอลเกิดขึ้น และจะสิ้นสุดสัญญาถ่ายทอดสดไทยลีกในวันที่ 15 ตุลาคม 2563 เมื่อไม่มีการแข่งขันในด้านสัญญาทางบริษัททรูฯ ก็ไม่สามารถที่จะจ่ายเงินให้กับสมาคมฟุตบอลฯ ได้
โดยเฉพาะเงินที่ทางบริษัททรูฯต้องชำระ นั่นหมายถึง การบำรุงดูแลนักกีฬาและสโมสรแต่ก็ต้องเข้าใจด้วยว่า ทางบริษัททรูฯเอง ก็ได้รับผลกระทบจาก โรคโควิด19เช่นกัน อีกทั้งสัญญาครั้งนี้คืองวดสุดท้าย หมายถึงว่าเมื่อสิ้นสุดสัญญา บริษัทที่รับสัมปทานต่อไปก็ไม่ใช่บริษัททรูฯ เมื่อรู้ล่วงหน้าก่อนที่จะมีโรคไวรัสนี้ทางบริษัทฯก็ได้จัดฝังรายการใหม่รองรับเพื่อเป็นการเปิดพื้นที่ทางธุรกิจเช่นกัน
หากทางสมาคมกีฬาฟุตบอลฯสามารถจัดการแข่งขันให้ได้ ทางบริษัททรูฯ ก็พร้อมที่จะจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้อย่างเต็มที่ จึงขอให้เข้าใจ
ด้านนายกรวีร์ ปริศนานันทกุล รองประธานบริษัทไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด กล่าวว่า การเข้าชี้แจงครั้งนี้เป็นการให้ข้อมูลซึ่งไม่ได้รับมอบหมายโดยตรงจาก นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยหรือ ประธานบริษัทไทยพีเมียร์ลีก จำกัด ที่มี พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง เป็นนายกสมาคมฯและเป็นประธานบริษัทฯ เนื่องจากติดภารกิจ และที่มาให้ข้อมูลก็พูดในฐานะที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการกีฬา สภาผู้แทนราษฎร
เรื่องนี้เท่าที่ทราบปัญหาทุกอย่างเกิดจากโรคไวรัสโควิด19 เพราะก่อนหน้านี้ สัญญาที่ได้ทำกับบริษัททรูฯ ทางบริษัทไทยพรีเมียร์ลีกฯ ก็ได้รับเงินมาโดยตลอด ซึ่งได้เซ็นสัญญาไว้ในช่วงปลายปี 2015 มีระยะเวลา 4 ปี มูลค่า 4,200 ล้านบาท แต่เมื่อเกิดโรคโควิด19 ไม่สามารถจัดการแข่งขันได้ อีกทั้งนักเตะส่วนใหญ่ตามสโมสรต่างๆ ก็เป็นชาวต่างชาติที่ได้เดินทางกลับบ้านหลังมีการแพร่ระบาดและจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่สามารถกลับมาได้จึงทำให้เตรียมทีมไม่ทัน อีกทั้งการเตรียมทีมเอาเข้าจริงก็ต้องใช้เวลาถึง 4 เดือน
ในกรณีนี้ทราบว่า จะสามารถกลับเข้ามาเตะได้ภายในวันที่ 12 กันยายนนี้ ซึ่งก็จะสิ้นสุดสัญญาและไม่รู้ว่าจะจบอย่างไร เพราะในศึกไทยลีกนี้พึ่งจัดไปได้ 4 นัดและเหลืออยู่ 26 นัด ซึ่งก็คงจะได้รับเงินสนับสนุนเท่าที่ทำได้
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัญหาผลกระทบโควิด19 เบื้องต้นหลักเกณฑ์การช่วยเหลือนักกีฬาอาชีพใน 13 ชนิดกีฬาเหมือนกัน ซึ่งฟุตบอลเป็นหนึ่งในนั้น และที่ผ่านมาไม่มีโรคโควิด19 กกท. ได้สนับสนุนกีฬาฟุตบอลไป 16 ล้านบาท แต่เมื่อมีสปอนเซอร์ กกท. ก็ไม่ได้เข้าสนับสนุน ต่อมาเมื่อมีปัญหาโรคโควิด-19 สมาคมฟุตบอลฯ ได้มีหนังสือขอสนับสนุนใน T1 และ T2 กกท. ได้ทำการสนับสนุนในเรื่องเงินรางวัล ไทยลีก 1 จำนวน 17 ล้านบาทและ ไทยลีก 2 จำนวน 9 ล้านบาทเศษและถ้ารวมถึงไทยลีก3 จะสนับสนุนประมาณ 44 ล้านบาท
นอกจากนี้ในการสนับสนุนอื่นไม่ว่าจะเป็นเงินรางวัล และผู้ตัดสินฯใน 3 ระดับจะมีอัตราให้การสนับสนุนตามพระราชบัญญัติส่งเสริมกีฬาอาชีพ 2556 อยู่แล้ว
ดร.บุญลือ ประเสริฐโสภา ประธานคณะกรรมาธิการกีฬา สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาเพราะชัดเจนว่าทางบริษัททรูฯนั้นได้รับผลกระทบจากโควิด19 เช่นกัน แต่ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดสดกีฬาฟุตบอลไทยลีกและเมื่อครบก็พร้อมที่จะชำระเงินที่เหลือให้เต็มที่ แต่ทางบริษัทพรีเมียร์ลีกฯ ไม่สามารถจัดการแข่งขันให้ได้ กรณีนี้คงเป็นบทเรียนที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันแก้ไขเพื่อประคองฟุตบอลไทย จึงขอให้สมาคมฟุตบอลฯ กลับไปทบทวนการวางแผน
เพราะในอนาคตผู้สนับสนุนไทยลีกรายใหม่อาจจะยกเลิกการสนับสนุนได้อีก และเชื่อว่าสมาคมฟุตบอลและสโมสรแต่ละจังหวัดซึ่งเคยมีผู้สนับสนุนฟุตบอล ก็ยังมีข่าวการยกเลิกสปอนเซอร์เช่นกัน จึงฝากสมาคมฟุตบอลฯ ไปศึกษาแนวทางการเซ็นสัญญาลิขสิทธิ์อย่างไร เพื่อให้นักกีฬาฟุตบอลได้ประโยชน์สูงสุด
“ขณะนี้สมาคมฟุตบอลฯควรจะหาวิธีให้มีการจัดการแข่งขัน และควรที่จะถามสโมสรว่าพร้อมเตะหรือไม่เพื่อที่จะไม่ผิดสัญญากับทาง “บริษัททรู” ซึ่งจะเป็นที่มาของปัญหาขาดงบช่วยเหลือ และขอให้ ทาง กกท.หาวิธีช่วยเหลือสนับสนุนกีฬาฟุตบอลลีกให้สามารถเดินหน้าต่อไป” ดร.บุญลือกล่าว